Price List FAQ Book Now
Page Top

skyberry

ใช้งานอินเตอร์เน็ตในต่างประเทศต้อง Skyberry

02-105-4568
contact application form

TAIWAN

ไต้หวัน กับ แลนด์มาร์คต้องห้าม... พลาด

ไต้หวันประเทศเล็ก ๆ แต่มีสเน่ห์มาก ๆ สำหรับใครที่มีเวลาไม่มาก หรือลางานได้ระยะเวลาสั้น ๆ สัก 2 คืน 3 วัน ก็เพียงพอ

สำหรับผู้เขียนก็เช่นกัน ลางานได้แค่นั้น ^^  ก็เลยเลือกปักหมุดกันที่ไทเปค่ะ

สำหรับแลนด์มาร์คที่ต้องห้าม…พลาดเมื่อมาเยือนไต้หวัน ย้ำว่าต้องห้ามพลาด จะมีที่ไหนบ้างตามไมากันเลยค่ะ

 

1. ไทเป 101 สัญลักษณ์ของไทเป เป็นตึกที่สูงที่สุดในไต้หวัน และสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก(ปี 2004 เคยสูงที่สุดในโลก) มีควาสูงมากถึง 508 เมตร เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตเมื่อมาเยือนไทเป ขนาดที่มีสถานีรถไฟใต้ดินเป็นของตัวเอง ที่ด้านบนจะมีจุดชมวิวในร่มที่ชั้น 89 และสามารถขึ้นบันไดต่อไปที่ลานชมวิวกลางแจ้งที่ชั้น 91 ได้ด้วย

 

 

ลูกตุ้มยักษ์ Wind Damper หัวใจสำคัญของตึกไทเป 101 ที่ช่วยเรื่องการทรงตัวของตึกเมื่อรับมือกับแผ่นดินไหวและลมพายุ

 

 

ค่าเข้าชม: ค่าขึ้นไปชมวิว500 เหรียญไต้หวัน(NTD) / เด็ก 450 เหรียญไต้หวัน(NTD)

เวลาเปิด-ปิด: เปิดบริการทุกวัน 09:00-22:00

วิธีการเดินทาง: ตึกไทเป 101(Taipei 101) อยู่เชื่อมกับสถานีรถไฟใต้ดิน MRT Taipei 101/World Trade Center Station สายสีแดง ทางออก Exit 4

 

2. Chiang Kai-Shek Memorial Hall อนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ค เป็นหนึ่งสัญญลักษณ์ของประเทศไต้หวัน เป็นแลนด์มาร์คสำคัญที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงอดีตประธานาธิบดีเจียงไคเช็ค 
ไฮไลท์สำคัญที่ไม่ควรพลาดในการมาเที่ยวชม คือพิธีเปลี่ยนเวรทหาร ซึ่งจะมีทุกๆต้นชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 10:00-16:00 ของทุกวัน

 

 

 

 


การเดินทาง 
อนุสรณ์สถานเจียงไคเชก(Chiang Kai-Shek Memorial Hall)อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟใต้ดิน MRT สถานี Chiang Kai-Shek Memorial Hall สาย 2 สีแดงและสาย 3 สีเขียว ออกที่ทางออก Exit 5

 

3. วัดหลงซานถือว่าเป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองไทเปเลยก็ว่าได้ เป็นที่ประดิษฐานของเจ้าแม่กวนอิมที่มีความศักดิ์สิทธิมาก 
และนอกจากเจ้าแม่กวนอิมแล้วยังมีเทพเจ้าอีกหลายองค์ โดยเฉพาะใครที่อยากขอพรเรื่องความรัก ให้ไหว้เทพเจ้าซุ้มที่ 7 ว่ากันว่าถ้าผูกด้ายแดงไว้ที่นิ้วก้อยแล้วจะได้เจอเนื้อคู่ ! 
อย่าลืมไปเช็คอินผูกด้ายแดงกันนะคะ 

 

 

ตรงนี้แหละ ไฮไลท์สำหรับคนโสดอย่างเรา 55 นอกจากจะได้บุญแล้วอาจได้ผู้ เอ๊ย!!! เจอเนื้อคู่ด้วยนะคะสาว ๆ ^^

 

 

 

 

  

 

การเดินทาง นั่ง MRT Longshan Temple Station สายสีน้ำเงิน ให้ออกที่ทางออก Exit 1 จะเจอกับซุ้มประตูทางเข้าวัด เดินตรงเข้าไปประมาณ 200 เมตรก็จะเห็นลานวัดอยู่ข้างหน้า

 

 

4. อุทยานหินเย่หลิว (Yehliu Geopark) อันนี้ต้องออกจากตัวไทเปไปไกลหน่อยนะคะ แต่รับรองว่าตื่นตาตื่นใจคุ้มค่ากับการเดินทางไกลค่ะ

 

 

อุทยาแห่งชาติเย่หลิว ตั้งอยู่ทางเหนือสุดของเกาะไต้หวัน อยู่ในเขต New Taipei City ใช้เวลาเดินทางจากไทเปประมาณ 1 ชั่วโมงนิด ๆ พื้นที่ของอุทยานเย่หลิวมีลักษณะเป็นแหลมทอดยาวออกไปในทะเลยาว 1,700 เมตร มีอายุยาวนานนับล้านปี เป็นแนวหินปูนเกิดจากการเคลื่อนตัวทางธรณีวิทยาจากเทือกเขา Datun และอิทธิพลของคลื่นลมทะเลทำให้เกิดการผุกร่อนเปลี่ยนแปลงเป็นรูปร่างในลักษณะแปลกตาแตกต่างกันออกไป นับเป็นภูมิทัศน์ทางธรณีวิทยาที่หาได้ยากและสวยงามเป็นอย่างยิ่ง และจากความแปลกตานี้เองที่ทำให้อุทยานเย่หลิวกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจบวกกับความช่างจินตนาการที่มีการเปรียบเทียบลักษณะของหินแต่ละชิ้นกับรูปทรงต่างๆ ของผู้คน เช่น หินรองเท้านางฟ้า, หินทะเลเทียน , หินช้าง, หินไอศกรีม, หินเศียรเจ้าหญิงและอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งอยากรู้ว่าเหมือนแค่ไหนก็ต้องมาชมกันด้วยตานะคะ

 

 

 

Mobile WiFi Skyberry  สัญญาณแรงดี ไม่มีตก ถึงแม้ว่าจะอยู่ห่างไกลตัวเมือง คลื่นแรงแซงคลื่นทะเล ^^ 

 

 

ตลอดทางเดินของอุทยานเต็มไปด้วยโขดหินรูปร่างแปลก ๆ โดยมีไฮไลต์อยู่ที่ หินเศียรราชินี หรือ Queen’s Head ถือว่าเป็นนางเอกของที่นี่เลยค่ะ มีนักท่องเที่ยวมาต่อคิวเพื่อถ่ายรูปเยอะม๊ากก เรารอไม่ไหวเลยถ่ายด้านหลังมา 55 แต่ก็เหมือนอยู่น๊าา แต่ใครจะว่ายังไง ไม่เท่าเห็นด้วยตาตัวเองนะ อย่างลืมไปกัน

 

 

ค่าเข้าชม: บัตรเข้าชมแบบ 1 วัน ไม่จำกัดเวลา

ผู้ใหญ่ ราคา NT$ 80

เด็กนักเรียนและเด็กอายุ 6 – 12 ปี NT$ 40

ซื้อแบบกลุ่ม 30 คนขึ้นไปได้รับส่วนลด 20%

ฟรี สำหรับเด็กอายุต่ำว่า 6 ปีหรือมีส่วนสูงต่ำกว่า 115 เซนติเมตรและผู้พิการ
เวลาเปิด-ปิด: 08.00 – 17.00 น.

 

วิธีการเดินทางไปอุทยานเย่หลิว

นั่ง MRT ไปลงสถานี Zhongxiao Xinsheng สายสีน้ำเงินก่อน ออกประตู 3 แล้วก็มาต่อเมล์ข้างหน้าสถานี รถเมล์สาย 1815 เดินทางประมาณ 1 ชม.ครึ่ง

ลงตรงป้ายที่ชื่อว่า Yehliu พอลงจากรถ ก็เดินย้อนกลับไป เลี้ยวซ้ายเดินตรงเข้าไปประมาณ 10 นาทีก็ถึงค่ะ

 

 

5. Jiufen Old Street เมืองโบราณจิ่วเฟิ่น สถานที่ยอดฮิตอันนี้ย้ำตัวโต ๆ ว่า ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง 
เมืองโบราณจิ่วเฟิ่นเป็นถนนท่องเที่ยวหลักอยู่ที่ย่านเมืองเก่าโดยสองข้างทางจะเต็มไปด้วยร้านค้าท้องถิ่นในบรรยากาศบ้านเรือนและอาคารเก่าๆ เช่น โรงน้ำชา 

 

 

บรรยากาศด้านใน มีร้านค้าของของที่ระลึก ของกิน ของใช้มากมาย นักท่องเที่ยวก็มากเช่นกัน ยื่งกลางคืนยิ่งเยอะ เพราะไม่ร้อน แล้วก็ประดับไฟสวยด้วยค่ะ

 

 

และไฮไลท์ที่ห้ามพลาดเลยก็คือการได้มาสัมผัสบรรยากาศและประสบการณ์การชงชาแบบโบราณ  ที่ร้านน้ำชา A Mei Tea House

 

 

 

เราสั่งชาร้อนมาลองกัน 1 ชุด ไม่คิดว่าอุปกรณ์ในการชงจะเยอะขนาดนี้!!  ตามภาพเลยจ้าา

 

 

คือเราต้องชงเองงงง แต่อย่าเพิ่งตกใจไป เค้ามีพนักงานมาสอนให้ แต่คือขั้นตอนก็เยอะ ถามว่าจำได้มั้ยก็ไม่ทั้งหมด 55

 

 

 

 

ก็สนุกสนานกันไปค่ะ เพลิดเพลินกับรสชาติของชา แล้วก็สนุกสนานในการได้ชงชา อ้อ เค้ามีขนมหวานมาให้กินคู่กับชาด้วยนะ รวม ๆ ก็อร่อยดีค่ะ

 

การเดินทาง 

นั่งรถไฟใต้ดินสายสีน้ำเงิน มาลงที่รถไฟใต้ดินสถานี Zhongxiao Fuxing

ทางออกที่ 1 แล้วมาต่อรถประจำทางสาย 1062 หรือ 788 (Keelung Bus) ไปที่ Jinguashi โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าโดยสารราคา NT $ 102

ลงที่ป้าย Jiufen Old Street จากป้ายหยุดรถบัสจิ่วเฟิ่น(Jiufen) ให้เดินตามทางขึ้นเขาไปทางขวาประมาณ 80 เมตรจะเห็นร้าน 7-11 และทางเข้าถนนสายเก่าจิ่วเฟิ่นจะอยู่ข้างๆ

 

6. พระอาทิตย์ตกดินที่ตัมสุย (Tamsui) 

ใต้หวันก็คล้าย ๆ บ้านเรา ไปที่ไหนก็มีตลาดที่นั่น ของกินเยอะมาก มาที่นี่ไม่ต้องกลัวอดของกินหาง่ายเหมือนบ้านเราเลยค่ะ แน่นอนว่ากองทัพเดินด้วยท้อง เราเลยแวะหาของกินแถว ๆ นี้ก่อนค่ะ 

 

 

ตรงกันข้ามกับตลาดก็จะเป็นสวนสาธารณะค่ะ บอกเลยว่าบรรยากาศที่นี่ดีสุด ๆ เรามาถึงที่นี่ตั้งแต่บ่าย แต่ก็รอจนถึงเย็น เพื่อมาดูพระอาทิตย์ตกดินค่ะ 

สวนสาธารณะที่นี่ดี๊ดี สวนใหญ่จะเห็นคนท้องถิ่น วัยรุ่น คู่รัก (ใครไม่มีคู่ก็จะดูเหงา ๆ หน่อย 55) มานั่งเล่นกัน มีคนมาตั้งกล้องถ่ายรูป คนออกกำลังกาย มีนักดนตรีมาเล่นกีร์ต้าร้องแพงให้ฟัง เพราะมาก ๆๆ นี่ขนาดเราฟังภาษาจีนไม่รู้เรื่อง 55 เรายังว่าเพราะ ^^ หรือมันเป็นเพราะเข้ากับบรรยากาศไม่รู้นะ แต่คือดีย์….

 

 

ไหน ๆ ก็มาแล้ว เราก็รอจึงถึงเวลาที่พระอาทิตย์ตกดิน ต้องบอกเลยว่าคุ้มค่าแก่การรอคอยมาก ๆ ของจริงสวยกว่าในรูปเยอะมาก ต้องลองไปให้เห็นเองกันตานะคะ

 

 

การเดินทาง

MRT สายสีแดง ลงสถานีสุดท้ายตั้นสุย (Tamsui Station) ทางออก 2 จากนั้นต่อรถบัสหมายเลข R26 เพื่อไปยังท่าเทียบเรือชาวประมงตั้นสุย

 

7. ตลาดกลางคืนเหราเหอ Raohe Night Market  เป็นหนึ่งในตลาดไนท์มาร์เก็ตที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองไทเป ทำให้ได้บรรยากาศของความเป็นไทเปแบบดั้งเดิมมากกว่าตลาดอื่นๆ ตั้งอยู่บนถนนเหราเหอ(Raohe Street)ที่เป็นตรอกเล็กๆยาวประมาณ 600 เมตร แต่อัดแน่นไปด้วยร้านค้า รถเข็นแผงลอยเต็มตลอด 2 ข้างทาง คือของกินเยอะมากกกก ก ไก่ล้านตัว ^^

 

 

 

 

 

 

 

วีธีการเดินทาง 

ตลาดกลางคืนเหราเหอ (Raohe Night Market) อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟใต้ดิน MRT Songshan Station ทางออก Exit 1 เดินตรงออกมาก็จะเห็นทางเข้าตลาดอยู่ทางซ้ายมือ

 

8. สุดท้ายคือของกินค่ะ แน่นอนมาไต้หวันทั้งทีของกินที่ต้องลองก็คือ 

 

 

เสี่ยวหลงเปา จริง ๆ แล้วมีแบรนด์ดัง ๆ ด้วย แต่เราชอบแบบ Local มากกว่า ไหน ๆ ก็ไปถึงแล้วก็ลองแบบบ้าน ๆ บ้าง แต่รสชาดไม่บ้านนาจา ได้ความอร่อยแล้วก็บรรยากาศแบบชาวไต้หวันแท้ ๆ 

 

 

อ้ำ…. กินไปเลยจ้าคำโต ๆ 

 

 

ลูกชิ้นหมู ในน้ำซุปแบบไต้หวัน อารมณ์คล้าย ๆ เกาหลาลูกชิ้นบ้านเรา น้ำซุปอร่อย ลูกชิ้นหมูแท้ ๆ บอกเลยฟินมากก

 

 

อันนี้ชอบมาก เป็นของหวานคล้าย ๆ กับเต้าทึงบ้านเรา มันคือเต้าหู้ที่มีรสชาดต่าง ๆ แต่เราชอบออริจินัล แล้วก็ท๊อปปิ้งด้วยคล้าย ๆ ไข่มุก อร่อย  หวาน ๆ เย็น ๆ 

 

 

สุดท้ายแล้วสำหรับใครที่ไปเที่ยวไต้หวันก็ลองไปตามแลนด์มาร์คห้ามพลาดดูนะคะ ส่วนตัวช่วยการเดินทางแชท แชร์ เล่นอินเตอร์เน็ตไม่สะดุดที่ไต้หวัด อย่าลืมพกไว้อุ่่นใจ Skyberry Mobile WiFi ที่ดีที่สุดค่ะ