Price List FAQ Book Now
Page Top

skyberry

ใช้งานอินเตอร์เน็ตในต่างประเทศต้อง Skyberry

02-105-4568
contact application form

UNITED ARAB EMIRATES

10 อันดับมัสยิดที่สวยที่สุดในโลก


ช่วงนี้ก็ใกล้ถึงเทศกาลถือศีลอดของพี่น้องศาสนาอิสลามกันแล้วครับ เทศกาลถือศีลอดจะมีขึ้นในเดือนรอมาฎอน(เดือนที่9ของปฏิทินอิสลาม)ของทุกปี ซึ่งแต่ละปีก็จะไม่ตรงกัน ดังนั้นช่วงนี้ผมจึงพาสายบุญทุกท่านไปรู้จักกับมัสยิด 10 แห่งที่สวยที่สุดในโลก มัสยิดหรือสุเหร่านั้นคือสถานที่ศํกสิทธิ์ในการทำศาสนกิจต่างของพี่น้องอิสลามนั่นเอง





1.มัสยิดอัลฮะรอม (Al Haram Mosque ) , Saudi Arabia

ตั้งอยู่ในนครมักกะฮ์ หรือ เมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย เป็นมัสยิดที่ศักสิทธิ์ที่สุด เป็นศูนย์กลางของพี่น้องอิสลาม ซึ่งเป็นสถานที่ที่อิสลามทั่วโลกจะมาประกอบพิธีอัจย์ ซึ่งเป็นกฏบัญญัติตามหลักคำสอนของอิสลามที่หากมีกำลังและความสามารถครั้งหนึ่งในชีวิตจะต้อมาทำพิธีอัจญ์





2.มัสยิดอัลนะบะวีย์ (Al Nabawi Mosque) ,Saudi Arabia

ตั้งอยู่ในนครมะดีนะฮ์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย “มัสยิดของท่านศาสดา”เป็นมัสยิดที่สร้างขึ้นโดยท่านบีมูฮำหมัด(ซ.ล.) ศาสดาของศาสนาอิสลาม มัสยิดแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองมาดีนะห์ มันเป็นมัสยิดที่สองสร้างขึ้นในประวัติศาสตร์และเป็นหนึ่งในมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่ใช้ประกอบพิธีอัจญ์ของชาวอิสลามทั่วโลก





3.มัสยิดอัลอักศอ (Al-Aqsa Mosque), Israel

เป็นมัสยิดซึ่งตั้งอยู่บนเนินพระวิหารในเขตเมืองเก่าของกรุงเยรูซาเลม ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดลำดับสามของศาสนาอิสลาม ซึ่งในอดีตนั้น อาณาบริเวณนี้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นโดมเงินหรือโดมทอง, หอสุเหร่าทั้งสี่, ประตูทั้งสิบเจ็ด ล้วนถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของมัสยิดอัลอักศอ แต่ในปัจจุบันได้มีการเรียกส่วนต่าง ๆ แยกออกจากกัน มัสยิดอัลอักศอจึงหมายถึงเฉพาะอาคารมัสยิดที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของโดมทองแห่งเยรูซาเลมน ขณะที่อาณาบริเวณทั้งหมดมีชื่อเรียกว่า อัลฮะเราะมุชชะรีฟ ชาวมุสลิมเชื่อว่าองค์อัลลอฮ์ได้พามุฮัมมัดเดินทางข้ามจากสุเหร่าศักดิ์สิทธิ์ในนครมักกะฮ์มายังอัลอักศอ (เรียกเหตุการณ์นี้ว่า อิสรออ์) และมุฮัมมัดถูกรับขึ้นสู่สวรรค์ไปพบอัลลอฮ์จากมัสยิดแห่งนี้ (เรียกเหตุการณ์นี้ว่า เมียะอ์รอจญ์)





4.มัสยิดหลวงเชคซัยยิด (Sheikh Zayed Grand Mosque) ,United Arab Emirates

ตั้งอยู่ในกรุงอาบูดาบี เมืองหลวงของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มัสยิดแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยอดีตประธานาธิบดีของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ Sheikh Zayed bin Sultan Al Nahyan เพื่อที่จะแสดงให้โลกเห็นถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมของโลกอิสลาม คุณค่าทางประวัติศาสตร์ และความทันสมัยของสถาปัตยกรรมอิสลาม มัสยิดสร้างเสร็จในปี 2007 เป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 8 ของโลก สามารถรองรับผู้คนได้มากกว่ามากกว่า 40,000 คน นอกจากนี้มัสยิดยังเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมทางวัฒนธรรมและการศึกษาสำหรับผู้เข้าชมอีกด้วย แถมยังมีห้องสมุดที่อัดแน่นไปด้วยหนังสือและตำหรับตำราวิชาการอิสลามที่หายาก เช่น วิทยาศาสตร์ อารยธรรม การประดิษฐ์ตัวอักษรศิลปะ รวมไปถึงสิ่งพิมพ์หายากที่บางเล่มอายุกว่า 200 ปี





5.มัสยิดสุลต่านอาเมด(Sultan Ahmed Mosque) หรือ สุเหร่าสีน้ำเงิน(Blue Mosque) ) , Turkey

ตั้งอยู่ในกรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี สุเหร่าสีน้ำเงินแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นวังที่ประทับของจักรพรรดิไบแซนไทน์ ในสมัย Sultan Ahmed Camii ใช้เวลาสร้างนานถึง 7 ปี(ช่วงระหว่างปี 1609 – 1616) มัสยิดถูกตกแต่งด้วยกระเบื้องสีน้ำเงิน(คนจึงเรียกว่าสุเหร่าสีน้ำเงินในเวลาต่อมา) ที่ประดับกำแพงมัสยิด มากกว่า 20,000 ชิ้น ด้วยการออกแบบเป็น ลวดลายมากกว่าห้าสิบแบบ และหน้าต่างกระจกสี มากกว่า 200 บาน ที่มีการออกแบบอย่างประณีต ช่วยให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามา และสาดแสงไปพร้อมกับโคมไฟระย้าจำนวนมาก ภายในมัสยิดยังถูกประดับประดา ไปด้วยทองและอัญมณีสีสันงดงาม และมีหออะซานซึ่งเป็นเสาสูงถึง 6 ต้น





6.มัสยิด Sheikh Lotfollah (Sheikh Lotfollah Mosque) , Iran

เป็นมัสยิดที่ตั้งอยู่ในเมืองอิสฟาฮาน ประเทศอิหร่าน เริ่มสร้างในปี 1603 และใช้เวลานานถึง 16 ปีในการสร้างขึ้นมา ได้รับการออกแบบโดย Shaykh Bahai สถาปนิกผู้มากความสามารถของอิหร่านในช่วงศตวรรษที่ 16 ทุกส่วนของตัวมัสยิดจะถกประดับตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสคขนาดเล็ก





7.มัสยิด Nasir al-Mulk (Masjed-e Nasir ol-Molk) , Iran

เป็นมัสยิดดั้งเดิมที่ตั้งอยู่ใน Shiraz ประเทศอิหร่าน หลายคนเรียกสถานที่แห่งนี้ว่ามัสยิดสีชมพู มันถูกสร้างขึ้นในช่วงราชวงศ์ Qajar ของอิหร่าน นับเป้นอีกมัสยิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมในวัฒนธรรมที่สีชมพูของมัสยิด เนื่องจากการใช้กระเบื้องสีชมพูจำนวนมากสำหรับการออกแบบตกแต่งภายในรวมถึงกระจกสีขนาดใหญ่ในด้านหน้าของอาคารและแสดงองค์ประกอบแบบดั้งเดิมอื่น ๆ





8.สุเหร่าโซเฟีย (Hagia Sophia) , Turkey

สุเหร่าหรือมัสยิดแห่งนี้ หรือในภาษาตุรกีเรียกว่า “อายาโซเฟีย (Aya sofya)” ซึ่งในปัจจุบันคือ พิพิธภัณฑ์อายาโซเฟีย (Ayasofya Museum) ตั้งอยู่ที่นครอีสตันบูล, ประเทศตุรกี เป็นมัสยิดที่เก่าแก่มาก ภายในตกแต่งด้วยเสาหินอ่อน และพื้นหินอ่อน ซึ่งนำมาจากเมืองโบราณอนาโตเลีย (Anatolia), ซีเรีย (Syria) และเมืองอื่นๆ โดยรอบ ได้แก่ เมืองอัสเพนโดส เอเพสซุส (Aspendos Ephessus), เมืองบัลบีค (Baalbeek) และเมืองทาร์ซา (Tarsa) เป็นต้น โดยหินอ่อนสีขาวมาจากเกาะมาร์มารา (Marmara), หินโปร์ฟิริสีเขียว (Porphyry) จากเกาะเอรีโบซ (Eğriboz Island), หินอ่อนสีชมพูจากเมืองอัฟย็อน (Afyon) และหินสีเหลืองจากแอฟริกาเหนือ สำหรับกำแพงของสุเหร่าทั้งหมด ยกเว้นกำแพงหินอ่อน ถูกตกแต่งด้วยภาพโมเสคของพระเยซู, พระแม่มารี, นักบุญคริสเตียน และทูตสวรรค์ ซึ่งมีการใช้ทอง, เงิน, แก้ว และหินหลากสี เพื่อสร้างภาพโมเสค ให้สวยงามเป็นพิเศษ





9. มัสยิดปุตรา (Putra Mosque) , Malaysia

หรือมัสยิดสีชมพู มัสยิดแห่งนี้ตั้งอยู่ในปุตราจายา (Putrajaya) ประเทศมาเลเซีย บริเวณโดยรอบมัสยิด มีทะเลสาบด้านข้างมัสยิดซึ่งสามารถมองเห็นเงาสะท้อนสีชมพูที่ผิวน้ำจนดูเหมือนมัสยิดลอยน้ำ และที่ริมทะเลสาบยังมีสะพานเสรีวาวาซาน (Seri Wawasan) สะพานขึงรูปร่างแปลกตาอีกด้วย ด้านหน้าของมัสยิดปุตรา คือ ปุตราสแควร์ (Putra Square) ลานกว้างแห่งนี้มีรูปดาว 13 แฉก หมายถึงรัฐทั้ง 13 ของมาเลเซีย มีธงของแต่ละรัฐตั้งอยู่ตามแฉกต่าง ๆ ตรงกลางเป็นธงชาติมาเลเซีย และสถานที่อีกแห่งคือ ที่ทำการนายกรัฐมนตรี (Perdana Putra Complex) เป็นอาคารขนาดใหญ่มียอดโดมสีฟ้า ด้านหลังมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ตรงกลางสวนเป็นที่ตั้งของวังเมลาวาตี (Istana Melawati)





10.มัสยิดญามา (Jama Mosque) , India

เป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย อยู่ในเขตย่านเมืองเก่า สร้างจากหินทรายแดงสลับกับหินอ่อนในปี ค.ศ. 1644 – 1658 โดยพระเจ้าชาร์ จาฮานเป็นผู้ออกแบบและเป็นองค์เดียวกันกับที่สร้างทัชมาฮาล และเป็นมัสยิดหลักในสมัยชาร์จาฮานาบัดเป็นราชธานีของอินเดีย สถาปัตยกรรมของมัสยิดไม่มีรายละเอียดอะไรมากนัก ดูออกจะเรียบๆ แต่ขนาดความใหญ่โตที่สามารถบรรจุคนที่เข้ามาทำพิธีทางศาสนา ได้ถึง 25,000 คน ทางขึ้นด้านหน้า เป็นบันไดไปสู่เนินเขาชื่อ โบจาลา (Bho Jala) จากนั้นพอผ่านประตูเข้าไปก็จะพบกับมัสยิดที่มีโดมสีขาวขนาดใหญ่ 3 โดมอยู่บนหอคอยสูง (ภายในคือห้องละหมาด) ยอดโดมยังสามารถขึ้นไปชมกรุงเดลีเก่าในมุมสูงได้อีกด้วย