
JAPAN
It's a me, Mario!
It’s a me, Mario!
ทุกท่ายเคยได้ยินคำพูดไอคอนนิคอันนี้ไหมครับ แน่นอนครับว่าวันนี้ผมจะพาไปพบกับเกมดังของญี่ปุ่นอีกเกมนึงที่เป็นตำนานเลยก็ว่าได้ หลายๆท่านที่ชอบเล่นเกมน่าจะเคยผ่านการเล่นเกมนี้กันมาก่อนแน่นอน (แต่ท่านที่เคยเล่นภาคแรกอายุน่าจะไม่น้อยแล้วนะ ฮ่าฮ่า!) และเกมเกมนั้นก็คือเกม Super Mario Bros. หรือที่คนไทยชอบเรียกสั้นๆว่า Mario นั่นเองครับ
ประวัติเกม Super Mario Bros.
สำหรับเกมนี้ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกในปี 1981 ในเกม Donkey Kong ซึ่งพัฒนาโดยบริษัท Nintendo และออกแบบโดยคุณ Shigeru Miyamoto โดยเกมนี้จะเป็นเกม Arcade หรือว่าเกมตู้ที่คนไทยเรียกกันครับ ในตอนนั้น Mario ยังไม่มีชื่ออย่างเป็นทางการ และถูกเรียกว่า “Jumpman” โดยมีอาชีพเป็นช่างไม้ ไม่ใช่ช่างประปาเหมือนในปัจจุบันครับ
สำหรับตัวเกม Donkey Kong นั้นให้ผู้เล่นควบคุม Jumpman เพื่อช่วยผู้หญิงที่ชื่อว่า Pauline จากลิงยักษ์ Donkey Kong โดยเกมนี้ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามและเป็นจุดเริ่มต้นของแฟรนไชส์ Mario ที่จะโด่งดังในลำดับถัดไปครับ
ต่อมาในปี 1983 Nintendo ได้เปิดตัวเกม Mario Bros. โดยเกมนี้จะยังเป็นเกม Arcade อยู่ครับ เกมนี้จะเป็นครั้งแรกที่ Mario ถูกระบุว่าเป็นช่างประปา และยังแนะนำตัวละครใหม่อีกตัวคือ Luigi น้องชายของเขา เกมนี้เกิดขึ้นในท่อระบายน้ำในนิวยอร์ก และมีศัตรูอย่างเต่า ปู และแมลงให้กำจัดครับ
และในปี 1985 ก็เป็นปีสำคัญที่ทำให้เกมนี้พลิกประวัติศาสตร์วงการเกมอีกครั้งครับ โดยเกม Super Mario Bros. ได้ถูกวางจำหน่ายบนเครื่อง Famicom/Nintendo Entertainment System (NES) นั่นเองครับ เกมนี้อย่างที่ทุกท่านที่เคยเล่นมาแล้วจะทราบกันดีว่า แนวเกมจะเป็นแบบ sidescroller หรือมุมมองด้านข้างที่ผู้เล่นควบคุม Mario เพื่อช่วยเจ้าหญิง Peach (Princess Toadstool) จาก Bowser ตัวร้ายในเกมครับ ตัวเกมยังมีระบบ “power-up” เช่น เห็ดเพิ่มขนาดทำให้ตัวเราใหญ่ขึ้น หรือดอกไม้ไฟที่พอเก็บแล้ว เราจะยิงดอกไม้ไฟใส่ศัตรูได้ และยังมีด่านที่หลากหลายให้ได้ฟันฝ่า เช่น ทุ่งหญ้า ในถ้ำ ในน้ำ และในปราสาทอีกด้วย เกมนี้ขายได้กว่า 40 ล้านชุดและกลายเป็นหนึ่งในเกมที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์เลยทีเดียวครับ
ยุคทองของ Mario ในเครื่อง Super Nintendo (SNES)
สำหรับเกม Mario แต่ละภาคนั้นต่างก็มียุคทองที่ทำให้ตัวเกมเป็นที่จดจำในรูปแบบระบบการเล่นใหม่ๆ ที่จะไม่ใช่แบบ sidescroller ตามแบบต้นฉบับครับ และด้านล่างนี้จะเป็นยุคทองแบบคร่าวๆครับ
– Super Mario World (1990) : ตัวเกมได้แนะนำตัวละคร Yoshi และโลกที่กว้างขวางมากขึ้น
– Super Mario Kart (1992) : เกมนี้จุดกำเนิดของซีรีส์แข่งรถ Mario Kart และเป็นต้นดำเนินเกมแนว Kart กันเลยทีเดียวครับ
– Super Mario RPG (1996) : ทาง Nintendo ได้ทำการร่วมมือกับ Square (ผู้สร้าง Final Fantasy) ในการสร้างเกม RPG ที่มีเนื้อเรื่องครับ
การเข้าสู่ยุค 3 มิติ: Super Mario 64
แน่นอนครับว่าเกม Mario ก็ยังมีการพัฒนาต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่มีที่สิ้นๆเพราะการเฝ้ารอของแฟนๆ โดยต่อมาจะเป็นยุคแห่ง 3D ครับ และเกมนั้นก็คือ Super Mario 64 (1996) สำหรับเครื่อง Nintendo 64 ที่เป็นเกมที่ปฏิวัติวงการ 3D platform เลยทีเดียวครับ โดยตัวเกมนี้จะเป็นโลกเปิดกว้าง มีระบบควบคุมกล้องอิสระ มีการเคลื่อนไหวของตัวละครที่หลากหลาย อีกทั้งยังวางรากฐานให้กับเกม 3D ยุคต่อมาด้วยครับ
การทดลองและขยายจักรวาล Mario
นอกจากการผจญภัยในอาณาจักรเห็ดแล้ว Mario ยังได้ไปผจญภัยที่อื่นด้วยครับ
– Super Mario Sunshine (2002) : โดย Mario ใช้เครื่องฉีดน้ำ FLUDD บนเกาะ Delfino
– Super Mario Galaxy (2007) : การผจญภัยครั้งใหม่ของ Mario ในอวกาศด้วยระบบแรงโน้มถ่วงสุดแปลก
– Super Mario Galaxy 2 (2010) : เป็นการพัฒนาแนวคิดของภาคแรกในปี 2007 ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นครับ
การกลับสู่รากเหง้าและยุค HD
หลังจากได้ลองทำอะไรใหม่ๆมาหลายอย่าง สุดท้ายแล้วเหล่าแฟนๆก็ยังต้องการความคลาสสิกครับ โดยได้นำพาผู้เล่นกลับไปยังต้นกำเนิดอีกครั้งในรูปแบบที่ยังทันสมัย
– New Super Mario Bros. Series : เป็นเกม 2D ที่ผสมกราฟิกใหม่และความคลาสสิกเข้าด้วยกันให้แฟนๆยุคเก่าได้หายคิดถึงครับ
– Super Mario Maker (2015) : เป็นภาคที่ให้ผู้เล่นสร้างด่าน Mario เองได้
– Super Mario Odyssey (2017) : ภาคนี้จะให้ Mario ผจญภัยในโลกเปิดเต็มรูปแบบโดยที่มีหมวก Cappy เป็นคู่หูครับ
เป็นอย่างไรกันข้างครับ สำหรับเกม Mario ในวันนี้ครับ สำหรับท่านไหนที่เคยเล่นกันมาก่อนในอดีตน่าจะคิดถึงกับบรรยากาศการกดจอยเล่นเกมนี้กันบ้างไม่มากก็น้อยนะครับ ได้กระโดดเหยียบเห็ด เหยียบเต่า ฝ่ากับดัก ลงท่อ เก็บเหรียญ เก็บห็ด เก็บดอกไม้ไฟ ว่าแล้วผมก็เริ่มนึกถึงบรรยากาศในวันวานแล้วเหมือนกันนะเนี่ย ฮ่าฮ่า!
🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷
สุดท้ายนี้หากทุกท่านอยากจะลองไปเที่ยวญี่ปุ่นไปตามรอยเกม Mario พร้อมๆกับหวนรำลึกถึงวันวานในอดีต
แต่ยังไม่รู้เลยว่าจะใช้ internet SIM อะไรดี
นี่เลยครับ ทางเราขออนุญาตนำเสนอ “Nihon SIM”
Internet SIM โดยจะมีระยะเวลา 4 วัน 7 วัน 10 วันและ 15 วันครับ ทุกท่านสามารถใช้งานได้แบบอุ่นใจไม่ต้องกลัว internet หมดเพราะตัว SIM เป็นแบบไม่จำกัดปริมาณ (Unlimited) ครับ โดยตัว SIM รองรับทั้ง iOS และ Android ไม่ว่าลูกค้าจะใช้งานโทรศัพท์รุ่นอะไรที่ใช้ระบบปฏิบัติการดังกล่าวก็จะสามารถใช้งาน SIM นี้ได้อย่างไม่มีปัญหาครับ