JAPAN
Yubari Melon สัญลักษณ์แห่งความหรูหราของฮอกไกโด
หากพูดถึงผลไม้ญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อเรื่องความพรีเมียมและราคาสูงลิ่ว หนึ่งในชื่อที่หลายคนนึกถึงคงหนีไม่พ้น เมลอนยูบาริ (Yubari King Melon) เมลอนพันธุ์หายากจากเมืองยูบาริ จังหวัดฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ผลไม้ชนิดนี้ไม่ได้มีดีเพียงแค่รสชาติหวานหอมละมุน แต่ยังเต็มไปด้วยเรื่องราวทางวัฒนธรรม ความประณีตในการปลูก และกลายเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราในการมอบเป็นของขวัญระดับพรีเมียม
กว่าจะมาเป็นเมลอนยูบาริ
ยูบาริ (Yubari) เป็นเมืองเล็ก ๆ ในเกาะฮอกไกโด เดิมทีมีชื่อเสียงในฐานะแหล่งเหมืองถ่านหิน แต่เมื่ออุตสาหกรรมถ่านหินเริ่มซบเซา ชาวเมืองจึงหันมาพัฒนาการเกษตรและเริ่มทดลองปลูกผลไม้ในสภาพภูมิอากาศที่หนาวเย็นและดินภูเขาไฟที่อุดมสมบูรณ์ จนกระทั่งได้เมลอนสายพันธุ์ใหม่ที่โด่งดังไปทั่วโลก
เมลอนยูบาริถูกพัฒนามาจากการผสมพันธุ์เมลอนสองสายพันธุ์ ได้แก่ Earl’s Favourite และ Spicy Cantaloupe ในปี ค.ศ. 1961 (พ.ศ. 2504) โดยกลุ่มสหกรณ์ยูบาริเมลอนที่ประกอบด้วยสมาชิก 17 คน พวกเขาได้ทำการทดลองและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนได้มาซึ่งเมลอน “ยูบาริ คิง” ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ได้รับการยอมรับและเป็นที่ต้องการอย่างมาก เป็นผลไม้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เนื้อเมลอนยูบาริจะมีสีส้มทองสวยงาม เนื้อแน่น รสหวานฉ่ำ และกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์
ลักษณะเด่นของเมลอนยูบาริ
เมลอนยูบาริมีลักษณะภายนอกที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ จนกลายเป็นเครื่องหมายการค้าของเมืองยูบาริ
รูปทรงกลมสมบูรณ์แบบ
เมลอนยูบาริแทบทุกผลมีความกลมเกลี้ยงราวกับทำขึ้นมาอย่างประณีต โดยผลจะมีผิวลายตาข่ายที่สวยงามและสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นหนึ่งในเกณฑ์การประเมินคุณภาพ
รสชาติหวานหอมละมุน
เนื้อเมลอนยูบาริมีสีส้มสด เนื้อละเอียด เนียนแน่น และมีระดับความหวานสูงมาก เฉลี่ยประมาณ 15–17 บริกซ์ (Brix) ซึ่งถือว่าสูงกว่าเมลอนทั่วไป
กลิ่นหอมเฉพาะตัว
นอกจากรสชาติหวานแล้ว เมลอนยูบาริยังมีกลิ่นหอมสดชื่นอ่อน ๆ ที่ทำให้รู้สึกหรูหราในทุกคำที่ลิ้มลอง
การจัดแต่งที่พิถีพิถัน
เกษตรกรจะคัดเลือกผลที่ดีที่สุด เหลือเพียงผลเดียวต่อหนึ่งต้น เพื่อให้สารอาหารทั้งหมดไปเลี้ยงเพียงผลเดียว ผลที่ได้จึงสมบูรณ์แบบทั้งรสชาติและรูปลักษณ์
กระบวนการปลูกที่เข้มงวด
การปลูกเมลอนยูบาริไม่ใช่เรื่องง่าย เกษตรกรต้องใส่ใจในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเตรียมดิน การควบคุมอุณหภูมิ ไปจนถึงการดูแลผลให้สมบูรณ์ที่สุด
ปลูกในโรงเรือนควบคุมสภาพอากาศ
เนื่องจากฮอกไกโดมีฤดูหนาวที่ยาวนาน เกษตรกรจึงใช้เรือนกระจกควบคุมความร้อน ความชื้น และปริมาณแสง เพื่อให้เมลอนเติบโตอย่างเหมาะสม
การตัดแต่งผล
เมื่อเมลอนติดผล เกษตรกรจะเลือกคงไว้เพียงหนึ่งผลต่อหนึ่งต้น เพื่อให้สารอาหารไปเลี้ยงเต็มที่ ทำให้ผลออกมาสมบูรณ์แบบ
การดูแลเป็นรายผล
แต่ละผลได้รับการดูแลเสมือนงานศิลปะ บางครั้งเกษตรกรถึงขั้นขัดผิวผลด้วยมือ เพื่อให้ลวดลายบนเปลือกสวยงามสม่ำเสมอ
ด้วยความพิถีพิถันเหล่านี้ เมลอนยูบาริจึงถูกยกย่องว่าเป็นผลไม้ที่แสดงถึง “ความหรูหราและความสมบูรณ์แบบ” ของเกษตรกรรมญี่ปุ่น
ราคาการประมูลสุดหรู
สิ่งที่ทำให้เมลอนยูบาริโด่งดังไปทั่วโลกไม่ใช่เพียงรสชาติ แต่ยังรวมถึง ราคาที่สูงเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะในช่วงการประมูลผลแรกของฤดูกา โดยในทุกปีจะมีการเปิดประมูลเมลอนยูบาริเกรดพรีเมียม 2 ลูกที่มีทรงกลมสวย เปลือกนอกเป็นลายสม่ำเสมอ ไร้ตำหนิ ซึ่งมักจะถูกประมูลไปด้วยราคาหลักล้านเยนเสมอหรือเทียบเท่ากับรถยนต์ 1 คัน และสินค้าที่ขายในการประมูลครั้งแรกจะขายในราคาที่สูงกว่าปกติมาก ซึ่งจะถูกซื้อโดยบริษัทต่างๆ ไม่ใช่ผู้ซื้อรายบุคคล
– ในปี 2019 เมลอนยูบาริ 2 ผลถูกประมูลในราคา 5 ล้านเยน (ประมาณ 1.4 ล้านบาท)
– โดยทั่วไปเมลอนยูบาริคุณภาพสูงหนึ่งผลอาจมีราคาหลักหมื่นเยน (3,000–20,000 บาท)
– ส่วนเกรดทั่วไปที่ขายตามซูเปอร์มาร์เก็ตอาจอยู่ราว ๆ 4,000–10,000 เยนต่อคู่
ราคาที่สูงเช่นนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงคุณภาพ แต่ยังสะท้อนถึงวัฒนธรรมการให้ของขวัญในญี่ปุ่น ที่นิยมมอบผลไม้หรูหราแก่ผู้ใหญ่หรือผู้มีพระคุณในโอกาสสำคัญ
เมลอนยูบาริในวัฒนธรรมญี่ปุ่น
ในประเทศญี่ปุ่น ผลไม้ไม่ได้ถูกมองว่าเป็นอาหารธรรมดา แต่ถือเป็นของขวัญล้ำค่า โดยเฉพาะเมลอนยูบาริที่กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความหรูหรา การมอบเมลอนยูบาริจึงเปรียบเสมือนการแสดงความเคารพและความจริงใจอย่างสูงสุด
นอกจากนี้ เมลอนยูบาริยังถูกนำไปสร้างสรรค์ในเมนูหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น
ไอศกรีมเมลอน
เค้กและพาร์เฟต์
เยลลี่เมลอน
น้ำเมลอนสด
แม้แต่ร้านสะดวกซื้อในฮอกไกโดก็มักจะมีผลิตภัณฑ์รสเมลอนยูบาริวางขาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสรสชาติของ “ราชาแห่งเมลอน”
ประโยชน์ของเมลอน ยูบาริ
1. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เนื่องจากในเมล่อนมีวิตามินซี ที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ปกป้องผิวจากแสงแดด ป้องกันการติดเชื้อทางเดินหายใจ และรักษาระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย
2. บำรุงดวงตา สารประกอบแคโรทีนอยด์ และวิตามินเอ ในเมล่อนช่วยบำรุงสุขภาพดวงตา ช่วยให้การมองเห็นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3. บำรุงกระดูก ในเมล่อนอุดมไปโฟเลต วิตามินเค และแคลเซียม ที่มีส่วนสำคัญในการบำรุงกระดูก ช่วยป้องกันการสึกหรอของกระดูก และช่วยเสริมสร้างให้กระดูกแข็งแรง
4. ลดความดันโลหิตสูง เมล่อนเป็นผลไม้ที่มีโซเดียมต่ำ และมีโพแทสเซียมสูง อาจช่วยรักษาระดับความดันโลหิตให้แข็งแรง อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงของความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจอีกด้วย
5. เสริมคอลลาเจนให้ผิว เมล่อนมีวิตามินซีสูง ที่มีความเกี่ยวข้องในการผลิตคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนช่วยในการซ่อมแซมผิวหนังไม่ให้เสื่อมสภาพก่อนวัย และปกป้องผิวได้อีกด้วย
6. ระบบย่อยอาหาร เนื่องจากเมล่อนมีไฟเบอร์ ที่ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก และช่วยเพิ่มแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้
แม้ว่าเมืองยูบาริจะเคยประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจหลังจากอุตสาหกรรมถ่านหินเสื่อมถอย แต่เมลอนยูบาริก็กลายเป็นสินค้าที่ช่วยฟื้นฟูชื่อเสียงของเมือง สร้างรายได้มหาศาล และกลายเป็นสัญลักษณ์ที่ผู้คนทั่วโลกรู้จัก
เมลอนยูบาริไม่ใช่แค่ผลไม้ แต่เป็นผลงานศิลปะที่เกิดจากการผสมผสานของ ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์แห่งฮอกไกโด และ ความพิถีพิถันของเกษตรกรญี่ปุ่น รสชาติหวานหอม เนื้อเนียนนุ่ม และรูปลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบ ทำให้เมลอนชนิดนี้กลายเป็น ราชาแห่งเมลอน และเป็นของขวัญที่สะท้อนถึงความหรูหราและคุณค่าในสังคมญี่ปุ่นอย่างแท้จริง
ดังนั้น หากคุณมีโอกาสเดินทางไปฮอกไกโด อย่าพลาดที่จะลิ้มลองเมลอนยูบาริสักครั้งในชีวิต เพื่อสัมผัสประสบการณ์ของผลไม้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผลไม้ที่หรูหราที่สุดในโลก
*______________________________________*
เดินทางญี่ปุ่นเมื่อไหร่แนะนำ Nihonsim และ Skyberry Pocket WiFi ใช้งานง่าย สะดวก ใช้อินเตอร์เน็ตได้ไม่จำกัดปริมาณเดินทางสบายใจตลอดทริป
