Price List FAQ Book Now
Page Top

skyberry

ใช้งานอินเตอร์เน็ตในต่างประเทศต้อง Skyberry

02-105-4568
contact application form

JAPAN

กิโมโน-ยูกาตะ : ศิลปะแห่งการแต่งกายของญี่ปุ่นที่งดงาม

สวัสดีครับ ถ้าพูดถึงญี่ปุ่น อีกภาพที่มักจะผุดขึ้นมาในหัวของหลายๆท่านผมคิดว่าคือเหล่าผู้คนในชุดกิโมโนหรือยูกาตะเดินท่ามกลางวัดโบราณ ถนนหิน และซากุระที่กำลังบานอยู่ ต้องบอกว่าชุดเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงเสื้อผ้าเท่านั้นครับ แต่ยังเป็นตัวแทนของวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่ละเอียดอ่อน เต็มไปด้วยความหมาย และประเพณีที่สืบต่อกันมาหลายร้อยปีเลยครับ และอีกอย่างที่ติดใจผมมาตลอดคือการที่กิโมโนและยูกาตะจะดูคล้ายกันครับ และบางครั้งผมก็แยกไม่ออกว่าอันไหนคืออันไหน และผมเพิ่งรู้ว่าที่จริงแล้วทั้งคู่มีความแตกต่างทั้งด้านวัสดุ วิธีการใส่ และโอกาสที่ใช้ ผมจึงคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องน่าสนใจที่เราจะมาทำความเข้าใจในรายละเอียดของการแต่งกายของทั้ง 2 แบบนี้ครับ

 

 

ความแตกต่างระหว่างกิโมโนและยูกาตะ

กิโมโน (Kimono) เป็นเสื้อผ้าที่มีความเป็นทางการค่อนข้างสูง ผลิตจากผ้าไหมหรือผ้าคุณภาพดี มีลวดลายและการตัดเย็บที่ค่อนข้างประณีต นิยมใส่ในงานสำคัญ เช่น งานแต่งงาน พิธีจบการศึกษา หรืองานเทศกาลที่เป็นทางการ กิโมโนหนึ่งชุดประกอบด้วยหลายส่วนครับ เช่น Nagajuban (ชุดชั้นใน), Obi (สายรัดเอว), Obijime (เชือกผูก Obi) และ Obiage (ผ้าคลุม Obi) การใส่กิโมโนจึงเป็นศิลปะที่ซับซ้อน ต้องใช้เวลา และความชำนาญครับ

ยูกาตะ (Yukata) ถือเป็นเวอร์ชันที่เรียบง่ายและสบายกว่า ทำจากผ้าฝ้ายหรือผ้าลินิน เหมาะสำหรับฤดูร้อนหรือเทศกาลสนุกสนาน เช่น เทศกาลดอกไม้ไฟ (Hanabi) และเทศกาล Obon ยูกาตะไม่ต้องใส่ชุดชั้นในพิเศษ และมีวิธีการผูก Obi ที่ง่ายกว่าครับ ทำให้เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยว รวมถึงคนญี่ปุ่นที่ต้องการความสะดวกแต่ยังคงความงามแบบดั้งเดิมไว้นั่นเองครับ

 

ขั้นตอนการใส่กิโมโน

1. ใส่ชุดชั้นใน Nagajuban : เพื่อป้องกันไม่ให้กิโมโนเลอะและช่วยให้กิโมโนด้านนอกดูเรียบสวยเวลาสวมใส่

2. สวมกิโมโน : โดยต้องจำให้แม่นว่า “ด้านซ้ายทับขวาเสมอ” (เพราะขวาทับซ้ายใช้สำหรับผู้เสียชีวิต)

3. ปรับความยาวชายกิโมโน : ให้อยู่ระดับข้อเท้า แล้วใช้สาย Koshihimo รัดให้กระชับ

4. พัน Obi : รอบเอว โดย Obi ของกิโมโนมีหลายแบบและต้องผูกอย่างประณีต เช่น Otaiko Musubi ที่นิยมในงานพิธี

5. เพิ่มเครื่องประดับเสริม : เช่น Obiage และ Obijime เพื่อความสมบูรณ์ของชุด

 

ขั้นตอนการใส่ยูกาตะ

1. ใส่ยูกาตะโดยตรง : ไม่ต้องมีชุดชั้นในเหมือนกิโมโน

2. ทับด้านซ้ายไว้ด้านบน : เช่นเดียวกับกิโมโน

3. ใช้ Obi พันรอบเอว : วิธีที่นิยมคือ Bunko Musubi หรือ “ผีเสื้อ” ซึ่งดูน่ารักและไม่ซับซ้อน

4. ใส่รองเท้าไม้ Geta : หรือรองเท้าเกี๊ยะไม้แบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น พร้อมถุงเท้า Tabi เพื่อความกลมกลืน

 

 

ลวดลายและความหมาย

ทั้งกิโมโนและยูกาตะต่างก็มีลวดลายที่สะท้อนถึงฤดูกาลและความเชื่อรวมอยู่ในนั้นครับ เช่น

– ดอกซากุระ คือ การเริ่มต้นใหม่และความงามชั่วคราว

– ใบเมเปิล คือ การเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลและความสงบ

– นกกระเรียน คือ ความยืนยาวและโชคดี

– เกล็ดน้ำ คือ ความสดชื่น เหมาะกับชุดฤดูร้อน

สำหรับกิโมโนนั้น ลวดลายจะละเอียดและใช้เทคนิคการย้อมหรือปักขั้นสูง ขณะที่ยูกาตะมักใช้สีสันสดใส เช่น น้ำเงิน ขาว ชมพู เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของฤดูร้อนนั่นเองครับ

 

ประสบการณ์สำหรับนักท่องเที่ยว

ปัจจุบัน นักท่องเที่ยวสามารถเช่ากิโมโนหรือยูกาตะได้ง่ายตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เช่น เกียวโต นารา หรือย่านอาซากุสะในโตเกียว ร้านเช่ามักจะมีบริการครบชุด พร้อมพนักงานช่วยแต่งกายอย่างถูกวิธีครับ เมื่อได้ใส่แล้วจะทำให้การเดินเล่นถ่ายรูปตามวัด ถนนโบราณ หรือสวนญี่ปุ่น มีบรรยากาศที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความทรงจำที่ไม่เหมือนใครเลยทีเดียวครับ และถ้าหากท่านไหนมีแผนกำลังจะไปญี่ปุ่นแต่ยังไม่มี sim internet ใช้งานแนะนำให้ดูรายละเอียดสินค้าของทางเราตาม link ด้านล่างบทความได้เลยครับ ขอบคุณครับ

 

เคล็ดลับเล็กๆน้อยๆสำหรับผู้ที่อยากลองใส่

ต้องจำกฎสำคัญนั่นคือต้องซ้ายทับขวาเสมอครับ อย่างที่ผมได้กล่าวไปในข้างต้นแล้วว่า “ขวาทับซ้ายใช้สำหรับผู้เสียชีวิต” นั่นเองครับ และถ้าเป็นการใส่กิโมโนครั้งแรกจะต้องให้พนักงานช่วยใส่ให้ครับ เพราะรายละเอียดของการใส่ค่อนข้างซับซ้อนนั่นเองครับ แต่สำหรับการใส่ยูกาตะจะสามารถลองผูก Obi เองได้ เพราะไม่ยุ่งยากและยังมีคู่มือให้ดูตามร้านเช่าด้วยครับ จากนั้นการเลือกชุดต้องเลือกตามฤดูกาล เช่น สีอ่อนและลายดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ สีสดใสในฤดูร้อน และโทนเข้มในฤดูใบไม้ร่วงครับ เพื่อความเข้ากันกับช่วงเวลานั่นเอง และสุดท้ายนี้ “อย่าลืมถ่ายรูป” เพราะการใส่กิโมโนหรือยูกาตะเป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้ง่ายๆนอกประเทศญี่ปุ่นถ้าไม่ใช่งานเทศกาลสำคัญของญี่ปุ่นที่จัด ณ ประเทศนั้นๆหรือเป็นย่านญี่ปุ่นที่เฉพาะเจาะจงของประเทศนั้นๆครับ

 

 

จะเห็นได้ว่าการใส่กิโมโนและยูกาตะไม่ได้เป็นเพียงการสวมใส่เสื้อผ้า แต่คือการได้สัมผัสศิลปะ ความประณีต และวัฒนธรรมที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน กิโมโนคือความงดงามที่เต็มไปด้วยพิธีการ ส่วนยูกาตะคือความเรียบง่ายและสดใสที่เหมาะกับการพักผ่อน เมื่อทุกท่านได้ลองใส่ จะะเข้าใจว่าทำไมเสื้อผ้าแบบนี้ถึงยังคงเป็นที่รักและชื่นชมทั้งในหมู่ชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกครับ

 

🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷

Internet SIM โดยจะมีระยะเวลา 4 วัน 7 วัน 10 วันและ 15 วันครับ ทุกท่านสามารถใช้งานได้แบบอุ่นใจไม่ต้องกลัว internet หมดเพราะตัว SIM เป็นแบบไม่จำกัดปริมาณ (Unlimited) ครับ โดยตัว SIM รองรับทั้ง iOS และ Android ไม่ว่าลูกค้าจะใช้งานโทรศัพท์รุ่นอะไรที่ใช้ระบบปฏิบัติการดังกล่าวก็จะสามารถใช้งาน SIM นี้ได้อย่างไม่มีปัญหาครับ

หากสนใจสามารถคลิกที่ลิ้งค์ด้านล่างนี้ได้เลยครับ