
JAPAN
วิธีเรียนภาษาญี่ปุ่นให้สนุก
สวัสดีครับ สำหรับท่านไหนที่เข้ามาอ่านบทความนี้อาจจะมีบางท่านที่สนใจในเรื่องญี่ปุ่นหรือประเทศญี่ปุ่น แต่อาจจะยังไม่เคยเรียน หรือกำลังที่จะเริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่ ต้องบอกก่อนว่าการเรียนภาษาญี่ปุ่นอาจจะดูเป็นเรื่องยากสำหรับใครหลายๆคน (รวมถึงตัวผมด้วย) โดยเฉพาะเมื่อเจออักษรคันจิที่ใครหลายๆคนว่าเขียนยากจำยาก ไวยากรณ์ที่ไม่เหมือนภาษาไทยแบบตรงกันข้ามเลย และคำศัพท์ที่จะต้องจำให้ได้เยอะๆเพื่อที่จะสามารถนำเอาไปใช้ได้ แต่เอาจริงๆแล้วถ้าเรารู้วิธีเรียนภาษาญี่ปุ่นให้สนุก การเรียนภาษาญี่ปุ่นก็จะไม่ใช่เรื่องน่าเบื่ออีกต่อไปเลยครับ แถมยังทำให้เราอยากเรียนต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้สึกฝืนตัวเองอีกด้วย ในวันนี้ผมจะขออนุญาตเขียนบทความนี้เพื่อที่จะเป็นการแนะนำเคล็ดลับหรือวิธีการที่จะช่วยให้การเรียนภาษาญี่ปุ่นกลายเป็นเรื่องสนุกและสร้างแรงผลักดันให้ใครที่สนใจจะเรียน หรือกำลังเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่ครับ ว่าแล้วเราก็ไปเริ่มกันเลย
1. เรียนผ่านสิ่งที่ชอบ
ต้องบอกว่านี่เป็นวิธีการค่อนข้างที่จะยอดนิยมเลยครับ และอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของใครหลายๆคนเลย รวมทั้งตัวผมด้วยครับ ถ้าเราชอบอนิเมะ มังงะ เพลง หรือเกมญี่ปุ่น เราก็สามารถใช้สิ่งเหล่านี้มาเป็นสื่อในการเรียนได้เลยครับ เช่น ดูอนิเมะโดยไม่เปิดซับไทย ฟังเพลงญี่ปุ่นแล้วลองหาความหมายของเนื้อเพลง หรือเล่นเกมที่มีภาษาญี่ปุ่น การทำสิ่งเหล่านี้จะทำให้เราได้เรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นแบบเพลิดเพลิน เหมือนกำลังทำกิจกรรมที่ชอบมากกว่าการที่ต้องมานั่งท่องจำ และบางครั้งเราก็จะจำคำศัพท์หรือรูปประโยคเข้าไปเองโดยไม่รู้ตัวเลยครับ
2. เรียนทีละนิดแต่สม่ำเสมอ
เอาจริงๆแล้วนะครับ เรานั้นไม่จำเป็นต้องนั่งเรียนวันละหลายๆชั่วโมงเลยครับ เพราะมันจะเหมือนเป็นการฝืนตัวเองมากเกินไปจนบางครั้งก็จะทำให้เราเริ่มเหนื่อยและเบื่อครับ เพราะฉะนั้นผมจะลองขออนุญาตเสนอเป็นวิธีการใหม่คือเรียนวันละ 10 – 15 นาทีแต่ต่อเนื่องเพราะอาจจะได้ผลดีกว่าครับ เช่น ตอนเช้าลองท่องคำศัพท์ใหม่ 3 คำ หรือก่อนนอนเขียนประโยคสั้นๆแค่ 1 ประโยคเป็นภาษาญี่ปุ่น การเรียนแบบเล็กๆน้อยๆค่อยๆเป็นค่อยๆไป แต่สม่ำเสมอผมว่าอาจจะช่วยสร้างนิสัยที่ดีและจะทำให้เราไม่รู้สึกเหนื่อยและเบื่อจนเกินไปครับ
3. ใช้จริงให้ได้บ่อยที่สุด
และแน่นอนครับว่าภาษาจะพัฒนาได้เร็วเมื่อเราได้ใช้งานมันจริงๆครับ ผมแนะนำให้ลองหาเพื่อนที่เรียนภาษาญี่ปุ่นเหมือนกันแล้วลองคุยกันเป็นภาษาญี่ปุ่นดูครับ ถ้าจะให้ดีอาจจะให้ลองหาเพื่อนเป็นคนญี่ปุ่นเลยก็ดีครับ หรืออาจจะโพสต์ข้อความสั้นๆลงในโซเชียลเป็นภาษาญี่ปุ่นบ้าง บางครั้งอาจจะผิดบ้างก็ไม่เป็นไรครับ เพราะมันคือการเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆนั่นเองครับ
4. ตั้งเป้าหมายเล็กๆ
ถ้าหากว่าเป้าหมายของเรามีแค่ “อยากสอบ JLPT ให้ผ่าน” ผมว่าหลายๆท่านอาจจะรู้สึกว่ามันไกลเกินไปจนบางครั้งอาจจะทำให้หมดกำลังใจได้ครับ แนะนำให้ลองแบ่งเป้าหมายให้เล็กลง เช่น “สัปดาห์นี้จะจำประโยคทักทายให้ได้” หรือ “วันนี้จะจำคำศัพท์เรื่องอาหารเพิ่มอีก 5 คำ” ดูก่อนครับ พอทำตามเป้าหมายได้แล้ว ผมว่าเราอาจจะรู้สึกภูมิใจและอยากที่จะทำมันต่อไปนั่นเองครับ
5. เขียนไดอารีภาษาญี่ปุ่น
ต้องบอกว่าการเขียนนั้นเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยทำให้จำได้ดีขึ้นครับ แนะนำให้ลองเขียนบันทึกสั้นๆทุกวัน อาจจะวันละ 1 – 2 ประโยคก็พอ เช่น “วันนี้อากาศร้อนมาก” หรือ “ฉันไปกินราเมงกับเพื่อนมา” ผมเชื่อว่ายิ่งเขียนบ่อยๆมันจะยิ่งทำให้เราสามารถสร้างประโยคได้คล่องขึ้นด้วยนั่นเองครับ
6. อย่าลืมสนุกกับมัน
แน่นอนครับว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือการไม่กดดันตัวเองจนเกินไปครับ มันไม่จำเป็นต้องพูดหรือเขียนได้แบบสมบูรณ์ 100% ตั้งแต่แรกครับ แค่เราทำให้ตัวเราเองเข้าใจภาษาญี่ปุ่นมากขึ้นทีละนิดๆ หรือสามารถสื่อสารกับคนญี่ปุ่นได้บ้าง ก็ถือว่าเป็นความสำเร็จแล้วครับ เพราะฉะนั้นอย่ากดดันตัวเองจนเกินไป ขอให้ดีใจกับความสำเร็จที่เราทำมันได้ทุกครั้ง และขอให้เราสนุกกับมันในทุกครั้งก็พอแล้วครับ
ตัวอย่างประโยคง่ายๆ
– こんにちは (Konnichiwa) : สวัสดีครับ/ค่ะ
– お元気ですか? (Ogenki desu ka?) : สบายดีไหม?
– 今日はいい天気です (Kyou wa ii tenki desu) : วันนี้อากาศดี
– 初めて (Hajimemashite) : ยินดีที่ได้รู้จัก
– 私の名前は…です (Watashi no namae wa … desu) : ฉันชื่อ…
– …から来ました (… kara Kimashita) : ฉันมาจาก…
– よろしくお願いします (Yoroshiku Onegaishimasu) : ขอฝากเนื้อฝากตัว
จะเห็นได้ว่าการเรียนภาษาญี่ปุ่นไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไปครับ ถ้าเราหาวิธีเรียนที่เข้ากับตัวเองและทำให้เรามีความสุขกับการเรียนรู้กับมัน ลองใช้สิ่งที่เราชอบมาเป็นเครื่องมือ ตั้งเป้าหมายเล็กๆ และใช้ภาษาในชีวิตประจำวันอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง แค่นี้ผมเชื่อว่าจะทำให้การเรียนภาษาญี่ปุ่นได้อย่างสนุกและไม่น่าเบื่ออีกต่อไปแล้วครับ และที่สำคัญหากท่านไหนอยากลองไปใช้ภาษาญี่ปุ่นกับเจ้าของภาษาแบบได้บรรยากาศญี่ปุ่นแท้ๆที่ประเทศญี่ปุ่นแล้วยังไม่มี SIM Internet ทำไมไม่ลองดูสินค้าของเราด้านล่างนี้หละครับ
🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷
Internet SIM โดยจะมีระยะเวลา 4 วัน 7 วัน 10 วันและ 15 วันครับ ทุกท่านสามารถใช้งานได้แบบอุ่นใจไม่ต้องกลัว internet หมดเพราะตัว SIM เป็นแบบไม่จำกัดปริมาณ (Unlimited) ครับ โดยตัว SIM รองรับทั้ง iOS และ Android ไม่ว่าลูกค้าจะใช้งานโทรศัพท์รุ่นอะไรที่ใช้ระบบปฏิบัติการดังกล่าวก็จะสามารถใช้งาน SIM นี้ได้อย่างไม่มีปัญหาครับ
หากสนใจสามารถคลิกที่ลิ้งค์ด้านล่างนี้ได้เลยครับ