
JAPAN
รู้ไหม? คำว่า "สาเก" มีประวัติยาวนานกว่าที่คิด
คำว่า “酒” (อ่านว่า sake หรือ shu) มีที่มาเก่าแก่ย้อนไปได้ถึงยุคโบราณของญี่ปุ่น และมีความหมายกว้างที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย เดิมไม่ได้หมายถึง “เหล้าญี่ปุ่น” เพียงอย่างเดียว แต่หมายถึง “เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด”
ที่มาของคำว่า “酒” (sake)
รากศัพท์ภาษาจีน
ตัวอักษร 酒 มีต้นกำเนิดจากภาษาจีนโบราณ อ่านว่า jiǔ (จิ่ว) ซึ่งหมายถึง “เหล้า” หรือ “เครื่องดื่มหมักจากข้าว ธัญพืช หรือผลไม้” โครงสร้างของอักษรประกอบด้วยสองส่วน คือ “氵” (น้ำ) และ “酉” (รูปภาชนะบรรจุเหล้า) ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วจึงสื่อความหมายว่า “ของเหลวในภาชนะ” หรือ “ของหมักที่ดื่มได้”
เมื่อญี่ปุ่นรับอักษรจีนเข้ามาในช่วงศตวรรษที่ 4–5 (ยุคโคฟุน – 古墳時代) อักษร “酒” ก็ถูกนำมาใช้ในภาษาญี่ปุ่นด้วย
ในภาษาญี่ปุ่นจึงมีการอ่านสองแบบคือ
– On’yomi (音読み) เสียงแบบจีน: “shu”
– Kun’yomi (訓読み) เสียงแบบญี่ปุ่น: “sake” หรือ “zake” (เมื่อต่อท้ายคำอื่น) การมีสองระบบเสียงนี้แสดงถึงการผสมผสานทางภาษาระหว่างวัฒนธรรมจีนและญี่ปุ่นที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ยุคโคฟุน
ที่มา : en.sake-times.com
พัฒนาความหมายในญี่ปุ่น
– เดิมคำว่า 酒 (sake) ใช้เรียก “เหล้า” ทุกประเภท ไม่จำกัดเฉพาะเหล้าญี่ปุ่น เช่น ไวน์ เบียร์ หรือเหล้ากลั่นอื่น ๆ
– แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะในยุคเอโดะ (ค.ศ. 1603–1868) ที่มีการผลิต “เหล้าข้าวหมัก” อย่างแพร่หลาย คำว่า sake ในชีวิตประจำวันของคนญี่ปุ่นจึงเริ่มหมายถึง “เหล้าญี่ปุ่น” โดยเฉพาะ
– เพื่อแยกให้ชัดเจน คนญี่ปุ่นจึงมักเรียกเหล้าญี่ปุ่นว่า
日本酒 (nihon-shu) หมายถึง “เหล้าญี่ปุ่น” (แปลตรงตัวว่า “เหล้าของญี่ปุ่น”)
การออกเสียง “sake” กับ “zake”
– เมื่อ “酒” เป็นคำเดี่ยว → อ่านว่า sake (さけ)
– แต่ถ้าอยู่หลังคำอื่น เช่น お神酒 (omiki / o-zake) = เหล้าที่ถวายเทพเจ้า
– 甘酒 (amazake) = เหล้าหวาน (เหล้าที่มีแอลกอฮอล์ต่ำหรือไม่มีเลย)
จะเปลี่ยนเสียง s → z ตามกฎเสียงในภาษาญี่ปุ่น (連濁, rendaku)
วิวัฒนาการของคำว่า “酒” (sake)
การใช้คำว่า “酒” สามารถแบ่งตามช่วงเวลาได้ดังนี้
ยุคโจมง (縄文時代) – ราว 300 ปีก่อนคริสต์ศักราช
–เหตุการณ์สำคัญ มีหลักฐานทางโบราณคดีจากเศษภาชนะดินเผาชี้ว่ามีการหมักข้าวและผลไม้เพื่อใช้ในพิธีกรรมชุมชน
–ความหมายและการใช้คำว่า “酒” ในความหมายดั้งเดิมคือ “เหล้าที่เกิดจากการหมัก” เพื่อสื่อสารกับเทพเจ้า
ยุคยาโยอิ (弥生時代) ราว 300 ปีก่อนคริสต์ศักราช – ค.ศ. 300
–เหตุการณ์สำคัญ เริ่มมีการเพาะปลูกข้าว จึงเกิดการหมัก “เหล้าข้าว” เป็นครั้งแรก
–ความหมายและการใช้คำว่า ใช้เหล้าในพิธีกรรม เช่น การขอพรให้พืชผลอุดมสมบูรณ์ — เป็นจุดกำเนิดแนวคิดว่า “เหล้าคือของศักดิ์สิทธิ์”
ยุคโคฟุน (古墳時代)ค.ศ. 300–538
–เหตุการณ์สำคัญ เริ่มรับวัฒนธรรมจีนและอักษรคันจิเข้ามา
–ความหมายและการใช้คำว่า ตัวอักษร “酒” ถูกนำมาใช้ในเอกสารญี่ปุ่น อ่านว่า “sake” และ “shu” ตามระบบเสียงจีน
ยุคอาสุกะ – นารา (飛鳥〜奈良時代)ค.ศ. 538–794
–เหตุการณ์สำคัญ เมื่อญี่ปุ่นเริ่มมีระบบราชการและรับอิทธิพลจากจีน รัฐบาลได้จัดตั้งหน่วยงานที่รับผิดชอบการผลิตเหล้าชื่อ 造酒司 (Sakabe no Tsukasa) เพื่อผลิตเหล้าสำหรับพิธีการของจักรพรรดิและศาลเจ้า
–ความหมายและการใช้คำว่า ช่วงนี้คำว่า “酒” / sake ถูกใช้ในบริบทราชการและพิธีทางศาสนา สะท้อนการที่เหล้าถูกมองเป็น “เครื่องบูชาเทพเจ้า” มากกว่าสินค้า
ยุคเฮอัน (平安時代)ค.ศ. 794–1185
–เหตุการณ์สำคัญ ในวรรณกรรมอย่าง มังโยชู (万葉集) และ โคจิกิ (古事記) มีการกล่าวถึงการดื่มเหล้าในงานเลี้ยงและบทกวี
–ความหมายและการใช้คำว่า คำว่า “酒” / sake เริ่มถูกกล่าวถึงในฐานะ “เครื่องดื่มเพื่อความรื่นรมย์” นอกจากการบูชา
ยุคคามาคุระ – มุโรมาจิ (鎌倉〜室町時代)ค.ศ. 1185–1573
–เหตุการณ์สำคัญ ช่างหมักเหล้า (杜氏・とうじ: Toji) เริ่มมีบทบาทในการผลิตเหล้าข้าวให้มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว และเริ่มมีโรงหมัก (酒蔵: sakagura) ในระดับชุมชนเพิ่มขึ้น
–ความหมายและการใช้คำว่า “酒” / sake กลายเป็นสินค้าพื้นบ้านในหมู่ชนชั้นนักรบ (武士: Bushi) และชาวเมือง
ยุคเอโดะ (江戸時代)ค.ศ. 1603–1868
–เหตุการณ์สำคัญ เป็นช่วงทองของการผลิตสาเกทั่วประเทศ โรงหมักในภูมิภาคต่าง ๆ ใช้ข้าว น้ำ และสภาพอากาศเฉพาะถิ่นสร้างรสชาติที่แตกต่างกัน
–ความหมายและการใช้คำว่า “酒” ในชีวิตประจำวันเริ่มหมายถึง “เหล้าญี่ปุ่น” โดยเฉพาะ ขณะที่เหล้าชนิดอื่นจะระบุชื่อเฉพาะ เช่น Shimizu Sake Brewery
เป็นโรงบ่มสาเกที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1874 ในจังหวัดไซตามะ มีแบรนด์หลักคือ Kikko Hanabishi หรือ เหล้า Awamori เป็นเหล้าหมักโคจิที่ทำมาจากข้าวและผงโคจิดำ ซึ่งมีในเกาะOkinawaของญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 1429
ยุคเมจิ – ไทโช (明治〜大正時代)ค.ศ. 1868–1926
–เหตุการณ์สำคัญ เมื่อญี่ปุ่นเปิดประเทศและรับเครื่องดื่มตะวันตก เช่น เบียร์และไวน์ คำว่า 日本酒 (Nihon-shu) จึงถูกบัญญัติขึ้นเพื่อแยกเหล้าข้าวญี่ปุ่นออกจากเหล้าตะวันตก
–ความหมายและการใช้คำว่า เพื่อแยกให้ชัด คำว่า “日本酒 (nihonshu)” จึงถูกใช้หมายถึง “เหล้าข้าวแบบญี่ปุ่น” โดยเฉพาะ
ยุคโชวะ – เฮเซ (昭和〜平成時代)ค.ศ. 1926–2019
การผลิตอุตสาหกรรมเหล้าขยายตัว และมีการส่งออกสาเกไปทั่วโลก
คำว่า “sake” ในภาษาอังกฤษเริ่มถูกใช้หมายถึง “Japanese rice wine”
ยุคเรวะ (令和時代)ค.ศ. 2019–ปัจจุบัน
–เหตุการณ์สำคัญ การผลิตอุตสาหกรรมเหล้าขยายตัว และมีการส่งออกสาเกไปทั่วโลก
–ความหมายและการใช้คำว่า “sake” กลายเป็นสัญลักษณ์ของ “ความอบอุ่น มิตรภาพ และการเคารพต่อธรรมชาติ” ของญี่ปุ่น
การใช้คำว่า “酒” (sake / shu) ในบริบทวัฒนธรรมญี่ปุ่น
ในปัจจุบัน “酒” สามารถอ่านได้ทั้งสองแบบ โดยมีความแตกต่างเชิงบริบทดังนี้
酒 (sake)
การใช้ – ใช้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน หมายถึงเหล้าข้าวญี่ปุ่น หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ความหมายเชิงวัฒนธรรม – สื่อถึงความเรียบง่ายและความใกล้ชิดในชีวิตประจำวัน เช่น “一杯の酒 (ippai no sake)” = เหล้าหนึ่งแก้ว
日本酒 (nihon-shu)
การใช้ – ใช้ในเชิงทางการ หรือเมื่อต้องการระบุว่าเป็น “เหล้าญี่ปุ่นแท้”
ความหมายเชิงวัฒนธรรม – เป็นสัญลักษณ์ของภูมิปัญญาและวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาติ
御神酒 (omiki / o-zake)
การใช้ – เหล้าที่ถวายเทพเจ้าในศาลเจ้า หรือในพิธีทางศาสนา
ความหมายเชิงวัฒนธรรม – สื่อถึงการเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์กับเทพเจ้า เชื่อว่าเหล้าเป็นสิ่งบริสุทธิ์ที่นำพาโชคลาภ
甘酒 (amazake)
การใช้ – เหล้าหวานที่แทบไม่มีแอลกอฮอล์ ดื่มในเทศกาลปีใหม่
ความหมายเชิงวัฒนธรรม – สื่อถึงความเป็นสิริมงคลและการเริ่มต้นใหม่
清酒 (seishu)
การใช้ – คำทางกฎหมาย หมายถึงเหล้าข้าวที่ผ่านการกรองใส
ความหมายเชิงวัฒนธรรม – ใช้ในวงการผลิตและการส่งออก
นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนเสียง (連濁, rendaku) ทำให้ “sake” กลายเป็น “zake” เมื่อต่อท้ายคำ เช่น 甘酒 (ama-zake) เหล้าหวาน หรือ お神酒 (omi-ki / o-zake) เหล้าที่ถวายเทพเจ้า
“酒” (sake) ในบริบทวัฒนธรรมญี่ปุ่น
พิธีกรรมและศาสนา
ในศาสนาชินโต เหล้าถือเป็นของศักดิ์สิทธิ์ ใช้ในพิธี 神事 (shinji) เพื่อถวายแก่เทพเจ้า โดยเชื่อว่าการแบ่งปันเหล้าเป็นการสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างโลกมนุษย์กับโลกวิญญาณ คำว่า 御神酒 (omiki) จึงหมายถึง “เหล้าที่ถวายเทพ” ซึ่งมักใช้ในพิธีแต่งงาน การเก็บเกี่ยว และปีใหม่
ความสัมพันธ์ทางสังคม
การรินเหล้าให้กันและกันในงานเลี้ยง (nomikai) ถือเป็นสัญลักษณ์ของความเคารพและมิตรภาพ ไม่ควรรินเหล้าให้ตัวเอง แต่ให้ผู้อื่นรินให้ เป็นการแสดงมารยาทและการยอมรับในความสัมพันธ์ของกลุ่ม
ศิลปะและการดำรงชีวิต
ในฐานะงานหัตถศิลป์ สาเกสะท้อนความละเอียดและความเคารพต่อธรรมชาติ การหมักต้องอาศัยความสมดุลของ “ข้าว น้ำ และเวลา” จึงมักถูกเปรียบเป็น “งานศิลปะที่มีชีวิต”¹³ โรงหมักแต่ละแห่ง (saka-gura) ถือเป็นตัวแทนภูมิปัญญาท้องถิ่นและมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมา
คำว่า “酒” (sake) ในบริบทสากล
ในปัจจุบัน “sake” เป็นที่รู้จักในระดับสากลในฐานะเครื่องดื่มประจำชาติของญี่ปุ่น การส่งออกสาเกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคำว่า “sake” ยังถูกนำมาใช้ในวงการอาหารและการชิม เช่น การจับคู่สาเกกับอาหาร (sake pairing) หรือการชิมสาเก (sake tasting) ซึ่งสะท้อนว่าคำนี้ได้ขยายความหมายจากเครื่องดื่มพื้นบ้าน กลายเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมและอาหารของญี่ปุ่น
ในบริบทสากล “sake” เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมญี่ปุ่น (culinary diplomacy) ถูกนำเสนอในงานอาหารนานาชาติ การท่องเที่ยว และการส่งออกสินค้า แสดงให้เห็นถึงบทบาทของสาเกไม่เพียงในฐานะเครื่องดื่ม แต่ในฐานะตัวแทนวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของชาติ
คำว่า “酒” (sake / shu) มิได้เป็นเพียงสัญลักษณ์ของ “เครื่องดื่ม” แต่เป็น “ประวัติศาสตร์ของการอยู่ร่วมกันระหว่างคน ธรรมชาติ และศรัทธา” จากรากศัพท์ที่มาจากจีน คำนี้ได้รับการปรับให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีญี่ปุ่น ผ่านการเปลี่ยนแปลงในยุคสมัย ตั้งแต่พิธีกรรมของราชสำนักจนถึงโต๊ะอาหารสมัยใหม่ การศึกษาคำว่า sake จึงเป็นการทำความเข้าใจแก่นแท้ของวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่เชื่อมโยงอดีต ปัจจุบัน และโลกสมัยใหม่เข้าด้วยกันอย่างงดงาม
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.nationalgeographic.com
*______________________________________*
เดินทางญี่ปุ่นเมื่อไหร่แนะนำ Nihonsim และ Skyberry Pocket WiFi ใช้งานง่าย สะดวก ใช้อินเตอร์เน็ตได้ไม่จำกัดสบายใจตลอดทริป