JAPAN
รวมร้านสาเกยอดนิยมในโตเกียว ดื่มด่ำรสชาติแห่งญี่ปุ่นแท้กลางมหานครทันสมัย
“สาเก” (Sake) หรือเหล้าญี่ปุ่น ถือเป็นเครื่องดื่มที่สะท้อนวัฒนธรรม ความละเอียดอ่อน และจิตวิญญาณของชาวญี่ปุ่นได้อย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นวิธีการหมัก การเสิร์ฟ หรือการดื่มร่วมกับอาหาร ล้วนแสดงถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียด โตเกียวในฐานะเมืองหลวงแห่งความทันสมัย ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งรวมเทคโนโลยีและแฟชั่น แต่ยังเป็น “สวรรค์ของคนรักสาเก” ที่รวมร้านชั้นดีตั้งแต่บาร์ขนาดเล็กอบอุ่น ไปจนถึงร้านหรูที่คัดสรรสาเกระดับพรีเมียมจากทั่วประเทศ
บทความนี้จะพาไปแนะนำ 3 ร้านสาเกยอดนิยมในโตเกียว ที่ได้รับความนิยมทั้งจากคนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติ พร้อมเรื่องราวที่ทำให้แต่ละร้านมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเคล็ดลับเล็ก ๆ สำหรับผู้ที่อยากเริ่มต้นสัมผัสโลกแห่งสาเกอย่างเต็มรสชาติ

MIRAI SAKE STORE & SAKE BAR (Shibuya)
สาเกบาร์สมัยใหม่ใจกลางชิบูย่า ที่รวมความอบอุ่นและนวัตกรรมไว้ด้วยกัน
หากคุณกำลังมองหาร้านสาเกที่ผสมผสานความดั้งเดิมของญี่ปุ่นเข้ากับความโมเดิร์นในแบบเมืองใหญ่ “MIRAI SAKE STORE & SAKE BAR” คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบ ร้านนี้ตั้งอยู่ในย่าน ชิบูย่า (Shibuya) ศูนย์กลางของวัยรุ่นและวัฒนธรรมร่วมสมัยของโตเกียว
บรรยากาศภายในร้านตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่มีสไตล์ มีเคาน์เตอร์ไม้ที่ให้คุณได้พูดคุยกับบาร์เทนเดอร์ผู้เชี่ยวชาญด้านสาเกโดยตรง จุดเด่นของร้านนี้คือ “แนวคิดแห่งอนาคตของสาเก” ซึ่งเน้นให้ผู้คนเข้าถึงสาเกได้ง่ายขึ้น ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญก็สามารถเพลิดเพลินได้
ภายในมีสาเกให้เลือกชิมมากกว่า 100 ชนิดจากทั่วญี่ปุ่น ตั้งแต่สาเกหอมละมุนจากนีงาตะ (Niigata) ไปจนถึงสาเกเข้มกลิ่นข้าวจากฮิโรชิมะ (Hiroshima) ร้านนี้ยังมีระบบ “สาเกแท็ป (Sake Tap)” ที่ให้คุณกดดื่มเองเหมือนเบียร์ ทำให้การชิมสาเกกลายเป็นประสบการณ์สนุกสนานและมีส่วนร่วม
สิ่งที่ไม่ควรพลาด:
– ชุด “Tasting Flight” ที่ให้คุณลองสาเก 3–5 ชนิดในปริมาณเล็กน้อย เพื่อเปรียบเทียบความต่างของกลิ่นและรส
– คำแนะนำจากพนักงานที่สามารถเลือกสาเกให้ตรงกับรสนิยมของคุณ เช่น “หวานสดชื่น” หรือ “เข้มข้นและกลมกล่อม”
– ของกินเล่นญี่ปุ่น เช่น “ชีสหมักมิโสะ” และ “ปลาแห้งย่างถ่าน” ที่เข้ากันอย่างลงตัวกับสาเก
ที่ตั้ง: ชั้น 2 Y’MEZ Building, 29-7 Udagawachō, Shibuya
เปิดทุกวันจนถึงดึก เหมาะสำหรับการแวะหลังช้อปปิ้ง
เหมาะกับ: ผู้เริ่มต้นลองสาเก และคนที่อยากดื่มแบบเป็นกันเอง
website : https://sakebar.frontierco.jp
Premium Sake Pub Gashue (Ueno)
ร้านสาเกพรีเมียมที่เปิดโลกของรสชาติแบบมืออาชีพ
ย่านอุเอโนะ (Ueno) เป็นแหล่งรวมพิพิธภัณฑ์และวัดเก่าแก่ แต่ก็ยังมีมุมทันสมัยที่ซ่อนอยู่ หนึ่งในนั้นคือ “Premium Sake Pub Gashue” ร้านที่คนรักสาเกตัวจริงต้องมาเยือนอย่างน้อยสักครั้ง
ที่นี่รวบรวมสาเกคุณภาพจากทุกจังหวัดของญี่ปุ่นกว่า 200 ชนิด ตั้งแต่สาเกกลิ่นหอมอ่อน ๆ ไปจนถึงแบบหมักเข้มข้น บาร์เทนเดอร์ของร้านเป็นผู้ผ่านการอบรมด้านสาเกโดยเฉพาะ (Kikisake-shi) สามารถอธิบายความแตกต่างของแต่ละแบรนด์ได้อย่างละเอียด เหมือนกำลังเปิดตำราเรียนศิลปะแห่งการหมักข้าวให้คุณฟัง
บรรยากาศร้านอบอุ่นและสงบกว่าร้านในย่านท่องเที่ยวทั่วไป เหมาะกับการมานั่งชิมอย่างจริงจัง หรือพูดคุยเกี่ยวกับสาเกกับผู้รู้ นอกจากนี้เมนูอาหารยังได้รับการออกแบบมาเพื่อเสริมรสของสาเก เช่น “ซาชิมิปลาขาวราดซอสยูซุ” และ “ไก่ย่างเกลือแบบคุชิยากิ”
สิ่งที่ไม่ควรพลาด:
– ชุด “Regional Flight” ที่ให้คุณชิมสาเกจากภูมิภาคต่าง ๆ ของญี่ปุ่น เช่น โทโฮคุ คันไซ และคิวชู
– เมนู “สาเกร้อน (Atsukan)” ที่ให้รสหอมเข้มและละมุนในวันที่อากาศเย็น
– พนักงานพูดภาษาอังกฤษได้ดี เหมาะกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ที่ตั้ง: 2-13-5 Higashiueno, Taito-ku, Tokyo
เปิดช่วงเย็นจนถึงเที่ยงคืน
เหมาะกับ: นักชิมสายจริงจัง หรือผู้ที่อยากเรียนรู้เชิงลึกเกี่ยวกับสาเก
websit : https://www.gashue.co.jp
Hasegawa Saketen (Gransta Tokyo – Tokyo Station)
สาเกบาร์ในสถานีโตเกียวที่รวมสุดยอดแบรนด์จากทั่วประเทศ
สำหรับผู้ที่มีเวลาไม่มาก แต่ยังอยากสัมผัสโลกของสาเกแท้ “Hasegawa Saketen” ในโซน Gransta Tokyo ภายในสถานีโตเกียว คือจุดแวะที่สมบูรณ์แบบ ร้านนี้เป็นสาขาหนึ่งของ “Hasegawa Saketen” ผู้จำหน่ายสาเกชื่อดังที่มีประวัติยาวนานกว่า 30 ปี
ร้านมีทั้งโซนขายและโซนบาร์ให้ชิม คุณสามารถเลือกดื่มได้ทีละแก้วในราคาย่อมเยา (เริ่มต้นประมาณ 300 เยนต่อแก้ว) หรือซื้อกลับบ้านในขวดขนาดเล็กก็ได้ การตกแต่งภายในผสมผสานความโมเดิร์นและกลิ่นอายเอโดะ ด้วยผนังไม้และแสงไฟอบอุ่น เหมือนยกโรงบ่มสาเกขนาดย่อมมาไว้กลางเมือง
สิ่งที่โดดเด่นคือ “สาเกหายาก” ที่ไม่ค่อยมีขายทั่วไป เช่นสาเกรุ่นพิเศษจากจังหวัดนีงาตะ หรือแบรนด์เล็ก ๆ ที่หมักโดยโรงบ่มท้องถิ่น คุณยังสามารถขอให้พนักงานจัดชุด “สาเกชิมสามแบบ” เพื่อเปรียบเทียบสไตล์ต่าง ๆ ได้ด้วย
สิ่งที่ไม่ควรพลาด:
– สาเกพิเศษประจำฤดูกาล เช่น “สาเกใหม่ (Shinshu)” ในฤดูหนาว หรือ “สาเกดอกซากุระ” ในฤดูใบไม้ผลิ
– ของฝากขวดเล็กดีไซน์สวยจากแบรนด์ดัง
– การชิมแบบยืน (Standing Bar) ที่ให้บรรยากาศญี่ปุ่นดั้งเดิมและเป็นกันเอง
ที่ตั้ง: JR Tokyo Station (ชั้นใต้ดิน B1 โซน Gransta)
เปิดทุกวัน 10.00–22.00 น.
เหมาะกับ: ผู้ที่ต้องการแวะสั้น ๆ หรือมองหาสาเกคุณภาพกลับบ้าน
website : https://www.hasegawasaketen.com

เคล็ดลับสำหรับมือใหม่หัดดื่มสาเกในโตเกียว
– อย่ากลัวที่จะถามพนักงาน – ร้านสาเกส่วนใหญ่มีพนักงานที่ยินดีให้คำแนะนำ แม้คุณจะไม่รู้จักสาเกมาก่อน แค่บอกว่า “อยากลองแบบหวาน/แบบหอม/แบบเข้ม” ก็เพียงพอแล้ว
– เริ่มจากชุดชิม (Tasting Flight) – เหมาะสำหรับมือใหม่ที่อยากลองหลายแบบในปริมาณน้อย
– จับคู่กับอาหารญี่ปุ่นเบา ๆ – เช่นปลาแห้งย่างหรือเต้าหู้หมัก จะช่วยให้รสของสาเกเด่นขึ้น
– อย่าดื่มเยอะเกินไป – สาเกมีแอลกอฮอล์เฉลี่ย 15–17% แม้ดื่มง่ายแต่เมาเร็ว
– ลองทั้งแบบเย็นและแบบอุ่น – สาเกเย็น (Reishu) ให้ความสดชื่น ส่วนแบบอุ่น (Atsukan) จะหอมเข้มและเหมาะกับอากาศหนาว

บทสรุป
โตเกียวไม่เพียงเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยไฟนีออนและเทคโนโลยี แต่ยังซ่อนมุมสงบที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมเก่าแก่ อย่าง “สาเกบาร์” ที่ยังคงสืบทอดภูมิปัญญาแห่งการหมักข้าวมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าคุณจะเป็นนักชิมมืออาชีพหรือเพิ่งเริ่มต้น สาเกในโตเกียวจะเปิดประสบการณ์ใหม่ให้คุณได้เข้าใจหัวใจของญี่ปุ่นอย่างลึกซึ้ง
จาก MIRAI SAKE STORE ที่นำเสนอความสนุกในแบบคนรุ่นใหม่, Gashue ที่ให้ความรู้เชิงลึก, ไปจนถึง Hasegawa Saketen ที่เป็นเหมือน “ประตูสู่โลกสาเก” สำหรับนักเดินทาง ทุกแห่งล้วนมีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ควรค่าแก่การไปเยือน
ดังนั้น ในทริปหน้าที่คุณไปโตเกียว อย่าลืมเพิ่ม “ค่ำคืนแห่งสาเก” ไว้ในแผนท่องเที่ยว แล้วคุณจะพบว่า การจิบสาเกช้า ๆ ในเมืองที่ไม่เคยหลับใหล อาจกลายเป็นช่วงเวลาที่อบอุ่นและน่าจดจำที่สุดของการเดินทาง
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.ninjafoodtours.com
*______________________________________*
เดินทางญี่ปุ่นเมื่อไหร่แนะนำ Nihonsim และ Skyberry Pocket WiFi ใช้งานง่าย สะดวก ใช้อินเตอร์เน็ตได้ไม่จำกัดสบายใจตลอดทริป








