UNITED KINGDOM
สถานที่ท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ
ลอนดอน ประเทศอังกฤษเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากมายค่ะ ทั้งสถาปัตยกรรม อาหาร พิพิธภัณฑ์ และยังสามารถนั่งรถไฟยูโรสตาร์ (Eurostar) ไปเที่ยวฝรั่งเศส เยอรมันณี ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงเองค่ะ
ก่อนที่จะพาทุกคนไปรู้จักสถานที่ท่องเที่ยวลอนดอนกัน อยากให้ทุกคน เตรียมตัวเรื่องความปลอดภัยก่อนค่ะ ที่ลอนดอนได้มีข่าวนักท่องเที่ยวโดนโจรกรรมทรัพย์สินบ่อยครั้ง อยากให้ทุกคนระวังตัวมากๆ อย่าใส่ของมีค่าที่สะดุดตา คอยจับกระเป๋าชิดตัวตลอดเวลา รวมถึงตอนที่กำลังใช้มือถือ ต้องระวังเช่นเพราะมีข่าวโจรวิ่งราวมือถือในหลายที่ท่องเที่ยวบนโซเชียลบ่อยๆ และถึงแม้จะแจ้งตำรวจโอกาสที่จะได้คืนน้อยมากๆ ค่ะ
สถานที่แรกที่อยากแนะนำเป็นแลนมาร์คที่ห้ามพลาด คือ
หอนาฬิกาบิ๊กเบน (Big Ben)
หอนาฬิกาที่เป็นสัญลักษณ์ของลอนดอน ที่ห้ามพลาดเลยค่ะ
รู้ไหมว่าชื่อ Big Ben จริงๆ แล้วไม่ใช่ชื่อทั้งหมดของตัวหอนาฬิกาค่ะ แต่เป็นชื่อของระฆังขนาดใหญ่ ที่อยู่ภายในหอคอยต่างหาก
หอนาฬิกานี้ เมื่อก่อนจะเรียกกันว่า หอคอยนาฬิกา The Clock Tower ตรงตัวเลย ต่อมาในปี ค.ศ. 2012 รัฐบาลอังกฤษได้เปลี่ยนชื่อหอคอยอย่างเป็นทางการเป็น หอเอลิซาเบธ เพื่อเฉลิมพระเกียรติในโอกาสที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงครองราชย์ครบ 60 ปี
ที่มาของชื่อ “บิ๊กเบน” มีการสันนิษฐานว่าชื่อนี้ตั้งตามชื่อของ เซอร์เบนจามิน ฮอลล์ (Sir Benjamin Hall) ซึ่งเป็นผู้ควบคุมงานก่อสร้างในช่วงที่มีการสั่งหล่อระฆังยักษ์
หอคอยนาฬิกานี้มีความสูงประมาณ 96 เมตร และเหนือหน้าปัดนาฬิกาแต่ละด้านมีข้อความภาษาละตินจารึกไว้ว่า DOMINE SALVAM FAC REGINAM NOSTRAM VICTORIAM PRIMAM แปลว่า พระเจ้าโปรดคุ้มครองสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียของเรา
»»———- ———-««

ตลาดบอโรมาเกต (Borough Market)
เป็นอีกหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งอาหารที่โด่งดังที่สุดในกรุงลอนดอน เป็นตลาดอาหารที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองเลยค่ะ มีร้านอาหารอร่อยๆ ชื่อดังทั้งของคาว ของหวาน แนะนำให้ลองไปกันค่ะ
»»———- ———-««

มหาวิหารเซนต์พอล (St Paul’s Cathedral)
เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญที่โดดเด่นและเป็นที่รักของชาวลอนดอน รูปทรงเป็นทรงโดมขนาดใหญ่ มีความสูงประมาณ 111 เมตร ทำให้เป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในลอนดอนเป็นเวลานานถึง 252 ปี (จนกระทั่งถึงปี ค.ศ. 1962) มหาวิหารแห่งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของความอยู่รอดและความเข้มแข็งของเมือง เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์ บาโรกแบบอังกฤษ โดยมีการผสมผสานองค์ประกอบแบบฟื้นฟูศิลปวิทยา (Renaissance) และนีโอคลาสสิก (Neoclassical)
ที่เห็นกันปัจจุบัน มหาวิหารหลังนี้เป็นหลังที่ 5 แล้วค่ะ เพราะมหาวิหารก่อนหน้านี้ ที่รู้จักในชื่อ Old St Paul’s ถูกทำลายอย่างรุนแรงจากเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ในลอนดอน (The Great Fire of London) ในปี ค.ศ. 1666
มหาวิหารเซนต์พอลที่ค่าเข้าชมค่ะ ราคาตั๋วมีหลายแบบ จะมีทั้งราคาแบบกรุ๊ปทัวร์ แบบมากันเป็นกลุ่มผู้ใหญ่เด็ก ตั๋วทั่วไปราคาตั๋วแบบคร่าวๆ ดังนี้ค่ะ
ผู้ใหญ่ (Adults): ประมาณ £26
ผู้สูงอายุ/นักเรียน (Concessions/Seniors): ประมาณ £23.50
เด็ก (Children 6-17 ปี): ประมาณ £10
ถ้าซื้อผ่านเว็บไซต์เอเจนท์ จะได้ราคาถูกกว่านี้ แนะนำให้จองตั๋วเข้าชมล่วงหน้าค่ะ
»»———- ———-««

พระราชวังบัคกิงแฮม (Buckingham Palace)
เป็นที่ประทับอย่างเป็นทางการของพระมหากษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักร ปัจจุบันคือสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ที่นี่ยังใช้ในงานรัฐพิธีสำคัญ เป็นสถานที่จัดงานรัฐพิธี การต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง และงานสำคัญของรัฐ ขนาดและสถาปัตยกรรม: มีห้องทั้งหมด 775 ห้อง รวมถึงห้องจัดเลี้ยงรับรอง (State Rooms) 19 ห้อง พระราชวังมีความสูง 24 เมตร และมีพื้นที่ใช้สอยรวมกว่า 77,000 ตารางเมตร สถาปัตยกรรมหลักเป็นแบบ นีโอคลาสสิก (Neoclassical)
การเข้าชม: พระราชวังจะเปิดให้ประชาชนเข้าชมส่วนของห้องจัดเลี้ยงรับรอง (State Rooms) ในช่วงฤดูร้อน (มักจะเป็นเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน) และมีรอบจำกัดในช่วงเวลาอื่น ๆ ของปี
จุดที่นักท่องเที่ยวไปชม
พิธีเปลี่ยนเวรยาม (Changing the Guard): เป็นพิธีที่มีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งจัดขึ้นบริเวณด้านหน้าพระราชวัง เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวสำคัญ เริ่มต้นประมาณ 10:45 น. (พิธีสิ้นสุดประมาณ 11:30 น.) เดือนมิถุนายน/กรกฎาคมจะจัดขึ้นทุกวัน ในช่วงเวลาอื่นจัดขึ้นในบางวัน เช่น วันจันทร์ วันพุธ วันศุกร์ และวันอาทิตย์ แนะนำให้ตรวจสอบตารางเวลาอย่างเป็นทางการก่อนเดินทาง

การเปิดให้เข้าชม: การเข้าชมภายในพระราชวังบัคกิงแฮมเป็นโอกาสเดียวที่จะได้เห็นความอลังการของห้องต่าง ๆ รวมถึงงานศิลปะล้ำค่าจาก Royal Collection
»»———- ———-««

สะพานลอนดอน (london bridge)
สะพานลอนดอนมีความสำคัญเพราะเป็น จุดข้ามแม่น้ำที่เก่าแก่ที่สุด ในลอนดอน มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,000 ปีเลยค่ะ เป็นจุดที่ถูกใช้ข้ามแม่น้ำเทมส์มาตั้งแต่สมัยโรมัน และปรับปรุงมาเรื่อยๆ จนถึงยุคปัจจุบัน
ยุคโรมัน: มีการสร้างสะพานไม้แห่งแรกในบริเวณนี้ราวปี ค.ศ. 50
สะพานหินยุคกลาง (ค.ศ. 1176–1832): สะพานหินที่มีชื่อเสียงนี้สร้างขึ้นในปี 1176 และเป็นสะพานเดียวที่ข้ามแม่น้ำเทมส์มานานถึง 600 ปี ในยุคนี้เคยมีการสร้างบ้านเรือน ร้านค้า และโบสถ์อยู่บนสะพาน จนดูเหมือนเป็นเมืองเล็ก ๆ ลอยอยู่เหนือแม่น้ำ
สะพานยุควิกตอเรีย (ค.ศ. 1832–1968): เมื่อสะพานยุคกลางไม่สามารถรองรับการจราจรที่เพิ่มขึ้นได้ จึงมีการสร้างสะพานหินโค้งใหม่ ออกแบบโดย John Rennie
การขายสะพานที่สร้างความประหลาดใจ: สะพานยุควิกตอเรีย (สะพาน Rennie’s Bridge) ถูกรื้อถอนและขายให้กับนักธุรกิจชาวอเมริกันชื่อ Robert McCulloch ในปี ค.ศ. 1968 ซึ่งได้นำไปประกอบขึ้นใหม่ที่ เลคฮาวาซูซิตี (Lake Havasu City) รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา
สะพานปัจจุบัน (ค.ศ. 1973–ปัจจุบัน): สะพานลอนดอนที่เราเห็นในปัจจุบันนี้เป็นโครงสร้างสมัยใหม่ที่สร้างขึ้นมาแทนที่สะพานเดิม และเปิดใช้งานโดยสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ในปี 1973
ถ้ามีเวลาเพียงไม่กี่วันในลอนดอน อย่าลืมแวะชม Big Ben สักครั้ง ลองชิมขนมอบที่ Borough Market เดินชมความงามของ St Paul’s Cathedral ถ่ายรูปหน้าพระราชวัง Buckingham และปิดท้ายวันด้วยการชมวิวที่ London Bridge กันค่ะ
✦•┈┈┈┈┈┈┈┈┈┈┈┈┈┈┈┈┈┈┈┈┈┈┈┈•✦
มีแพลนบินไปญี่ปุ่นใช่ไหมคะ? ✈️ อย่าลืมพก NihonSIM ไปด้วยนะ! ซิมญี่ปุ่นสุดสะดวกที่ให้คุณ เล่นเน็ตได้ไม่อั้น จะดูแผนที่ หารีวิวร้านอาหารอร่อยๆ รองรับสัญญาณแรงระดับ 5G จากเครือข่ายหลักในญี่ปุ่น มีหลายแบบให้เลือก ทั้งแบบทริปสั้น 3-7 วัน หรือจะอยู่ยาวเป็นอาทิตย์ก็ไม่หวั่น ใช้งานง่าย รองรับทั้ง iOS และ Android
ขอฝากตัวฝากใจ ซิมส์ญี่ปุ่นน้องใหม่ NihonSim by Travesim ด้วยนะคะ
สนใจสั่งซื้อ คลิกที่ปุ่มสีส้มด้านล่างได้เลยค่ะ







