JAPAN
[เที่ยวญี่ปุ่น] ใบไม้เปลี่ยนสีช่วงไหนสวยที่สุด?
ในญี่ปุ่นนั้นประกอบไปด้วย 4 ฤดู คือ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง ฤดูหนาว ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวนั้นจะแตกต่างกันไป เมื่อฤดูกาลแปรเปลี่ยนภาพทิวทัศน์ก็ย่อมเปลี่ยนไปเช่นกัน และในครั้งนี้เราจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในช่วงฤดูใบไม้ร่วง และช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเที่ยวชมมาให้ทุกคนได้ทราบกัน
ความแตกต่างของอุณหภูมิ
เกาะของญี่ปุ่นนั้นมีลักษณะภูมิประเทศที่ยาวจากเหนือลงมาใต้ ทำให้แม้จะเป็นวันเดียวกัน แต่อุณหภูมิของแต่ละพื้นที่จะแตกต่างกันก็ไม่แปลก ยกตัวอย่างเมื่อเดือนกันยายนปี 2023 อุณหภูมิเฉลี่ยที่ฮอกไกโดอยู่ที่ 21.5 องศาเซลเซียส แต่ในขณะเดียวกัน ที่โอกินาว่ามีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 28.7 องศาเซลเซียส ซึ่งต่างกันถึง 7 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว
ถ้าอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 21 องศาเซลเซียส ควรสวมเสื้อแขนยาวเพื่อป้องกันลม และไม่ควรสวมรองเท้าแตะ ทางที่ดี เพื่อป้องกันลมหนาวควรสวมผ้าใบและเสื้อผ้าที่ช่วยป้องกันลมจะดีที่สุด
ใบไม้เปลี่ยนสีนั้นจะเริ่มตั้งแต่พื้นที่ที่มีอาเาศเย็นลงมายังพื้นที่ที่อบอุ่น ทำให้ช่วงเวลาการเปลี่ยนสีของใบไม้นั้นจะแตกต่างไปตามพื้นที่
ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยที่สุดในฮอกไกโด
ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีของฮอกไกโดจะเริ่มตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกันยายนไปจนถึงปลายเดือนตุลาคมโดย จากกลางเดือนกันยายนภูเขาไดเซ็ตสึที่ตั้งอยู่ใจกลางฮอกไกโดจะเริ่มมีใบไม้เปลี่ยนสี และในปลายเดือนตุลาคมใบไม้เปลี่ยนสีจะอยู่ในช่วงที่สวยงามที่สุด และสำหรับผู้ที่ต้องการชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ซุยอุนเคียว (層雲峡) ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีได้รับความนิยมอีกแห่งในการชมใบไม้เปลี่ยนสี จะเริ่มมีใบไม้เปลี่ยนสีตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม ดังนั้น หากต้องการเพลิดเพลินกับใบไม้เปลี่ยนสีในซัปโปโร ขอแนะนำให้เดินทางในช่วงต้นเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนตุลาคม
และในตัวเมืองซัปโปโรนั้น สามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีได้ที่สวนสาธารณะ Nakashima 、สวนสาธารณะ Odori、และสวนสาธารณะ Maruyama
นอกจากนี้ ที่ออนเซ็น Jozankei ก็เป็นอีกแห่งหนึ่งที่สามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีได้ ทำให้การใช้เวลาผ่อนคลายในออนเซ็นไปพร้อมกับการชมใบไม้เปลี่ยนสีในระหว่างวันเป็นอีกหนึ่งโปรแกรมเที่ยวที่เป็นที่นิยม โดยสามารถเดินทางจากซัปโปโรไปได้ภายในประมาณ 1 ชั่วโมง และตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม จะมีงานอีเวนต์ “ห้าพื้นที่ชมใบไม้เปลี่ยนสี” ซึ่งจะมีรถรับส่งไปยังพื้นที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีทั้งห้าแห่งให้บริการด้วยอีกด้วย
เว็บไซต์แนะนำสถานที่ชมฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่สำคัญทั้ง 5 แห่ง : https://jozankei.jp/godaikoyo/
นอกจากนี้ เขื่อน HoekeiHyou (豊平峡ダム) ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1 จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็รวมอยู่ในเส้นทางรถรับส่งด้วย อีกทั้ง สกีรีสอร์ทซัปโปโรอินเตอร์เนชั่นแนลยังมี “กอนโดล่าชมใบไม้เปลี่ยนสี” ซึ่งให้บริการเฉพาะในฤดูกาลใบไม้เปลี่ยนสี และถือเป็นหนึ่งในห้าพื้นที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีด้วย
■กอนโดล่าชมใบไม้เปลี่ยนสี
GoogleMAP(https://maps.app.goo.gl/dkwfasHuWMtBLSUo6)
▼ใบไม้เปลี่ยนสีที่ Jozankei
ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุ
ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุจะเริ่มตั้งแต่ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน จนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน
ในภูมิภาคโทโฮคุ จุดที่ควรไปเยือนคือ Tsutanuma ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดอาโอโมริทางตอนเหนือสุดของภูมิภาคนี้ ซึ่งในเขตที่มีออนเซ็นสึตะ จะมีบ่อน้ำที่เรียกว่า “สึตะนานุมะ” กระจายอยู่ โดยบ่อน้ำที่ใหญ่ที่สุดคือสึตะนุมะ ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมที่มีนักท่องเที่ยวมากมายในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี
สึตะนุมะจะมีการจำกัดจำนวนผู้เข้าชมในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี (ตั้งแต่วันที่ 20 ถึง 31 ตุลาคม 2024) หากต้องการเข้าชมในช่วงเช้าจะต้องทำการจองล่วงหน้า ดังนั้นเมื่อคุณตัดสินใจจะไปเยือน อย่าลืมจองผ่านเว็บไซต์นี้ : https://save-tsutanuma.com/
▼ใบไม้เปลี่ยนสีที่สึตะนุมะ
จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่แนะนำถัดไปในภูมิภาคโทโฮคุคือ “นารุโกะเคียว” ในจังหวัดมิยากิ(Google MAP https://maps.app.goo.gl/Qf9UVYEwK6VU32Xo7)ช่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสีจะอยู่ระหว่างกลางเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน นารุโกะเคียวเป็นหุบเขาขนาดใหญ่ที่มีความลึก 80-100 เมตร และยาวประมาณ 4 กิโลเมตร บริเวณเส้นทางเดินเล่นไดฟูกะซาวะมักจะแออัดในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ดังนั้นหากต้องการเพลิดเพลินอย่างสบายๆ ควรไปในช่วงเช้าของวันธรรมดา
ละใกล้ ๆ กับนารุโกะเคียว ยังมีออนเซ็นที่พัก เช่น ออนเซ็นนารุโกะ และออนเซ็นนากายามะซึ่งสามารถเข้าพักได้ ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีจะมีบริการรถรับส่งระหว่างออนเซ็นต่าง ๆ ไปยังนารุโกะเคียว เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปชมใบไม้เปลี่ยนสีได้อย่างสะดวกสบายอีกด้วย
▼ใบไม้เปลี่ยนสีที่นารุโกะเคียว
ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยที่สุดในภูมิภาคคันโต
ใบไม้เปลี่ยนสีในภูมิภาคคันโตจะเริ่มตั้งแต่ตั้งแต่กลางเดือนกันยายน จนถึงกลางเดือนธันวาคม
หนึ่งในจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ได้รับความนิยมในภูมิภาคคันโตคือ “ฮอนโดจิ” ในเมืองมัตสึโด จังหวัดชิบะ โดยช่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสีจะเริ่มตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน และจะสวยงามที่สุดในปลายเดือนพฤศจิกายน โดยฮอนโดจิเป็นวัดที่มีบรรยากาศเงียบสงบและมีทิวทัศน์ที่งดงามในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี
ที่ฮอนโดจิ มีต้นเมเปิ้ลประมาณ 1,000 ต้นที่สร้างสีสันงดงาม ทำให้ที่นั่นเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สร้างความประทับใจให้กับผู้คนที่ไปเที่ยวชม นอกจากนี้ยังสะดวกในการเดินทาง เนื่องจากสามารถนั่งรถไฟ JR Joban Line ลงที่สถานี Kita-kogane และเดินต่อประมาณ 15 นาที ซึ่งทำให้การเดินทางจากโตเกียวใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง และเปลี่ยนขบวนเพียงครั้งเดียว จึงถือเป็นจุดที่แนะนำอย่างมาก
“ฮอนโดจิ” เป็นวัดที่ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ 1277 และมีชื่อเสียงในด้านการให้พรเกี่ยวกับโชคลาภ การเลี้ยงดูบุตร และการเรียนที่ก้าวหน้า นอกจากใบไม้เปลี่ยนสีแล้ว วัดนี้ยังเป็นที่รู้จักในฐานะ “วัดดอกไฮเดรนเยีย” (あじさい寺) ซึ่งในช่วงเดือน 6 จะมีดอกไฮเดรนเยียประมาณ 50,000 ต้นบานสะพรั่งเต็มบริเวณวัด ทำให้ที่นี่เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพที่สวยงามตลอดทั้งปี
▼ใบไม้เปลี่ยนสีที่วัดฮอนโดจิ
ต่อไป จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ได้รับความนิยมในโตเกียวคือ “Showa Memorial Park” ที่ตั้งอยู่ในเมือง Tachikawa ภายในสวนมีจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีสองแห่ง ได้แก่ ถนนต้นแปะก๊วยที่ยาวประมาณ 300 เมตร และบริเวณริมคลองยาวประมาณ 200 เมตร นอกจากนี้ ในช่วงเทศกาลใบไม้เปลี่ยนสีจะมีการจัดเทศกาลแสงสีขึ้นทุกปี สำหรับกำหนดการในปี 2024 ยังไม่มีการประกาศ แต่ในปี 2023 งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 เดือนตุลาคม จนถึง 26 เดือนพฤศจิกายน
Showa Memorial Park ตั้งอยู่ในทำเลที่สามารถเดินทางมาได้ง่าย โดยสามารถเดินจากสถานี JR Nishi-Tachikawa ได้ภายในประมาณ 2 นาที ทำให้เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวในโตเกียวสามารถแวะพักและเพลิดเพลินกับใบไม้เปลี่ยนสีได้อย่างสะดวกสบายในระหว่างการท่องเที่ยวในเมือง
Showa Memorial Park(English)https://www.showakinen-koen.jp/guide-english/
▼ใบไม้เปลี่ยนสีที่ Showa Memorial Park
ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยที่สุดในภูมิภาคชูบุ
ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีในภูมิภาคชูบุจะเริ่มตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมไปจนถึงต้นเดือนธันวาคม โดยภูมิภาคนี้มีจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีหลากหลายแห่ง แต่ที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือ “ทะเลสาบคุซูริว” ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับกิจกรรมต่าง ๆ เช่น พายเรือคายัค การตกปลา และการตั้งแคมป์ ขณะชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามรอบ ๆ ทะเลสาบ ทำให้เป็นจุดที่เหมาะสำหรับการสัมผัสธรรมชาติในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี
ทะเลสาบคุซูริว ตั้งอยู่ในเมืองโอโนะ จังหวัดฟุกุอิ ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีโดยแท็กซี่จากสถานี JR Kusuryu โดยทะเลสาบแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ระดับความสูงประมาณ 600 เมตร และได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น ด้วยวิวทิวทัศน์ที่งดงาม ซึ่งทะเลสาบแห่งนี้เกิดจากการสร้างเขื่อนคุซูริว ทำให้มีพื้นที่กว้างใหญ่ที่นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับกิจกรรมต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ตั้งแคมป์อยู่ไม่ไกล ทำให้ผู้มาเยือนสามารถสัมผัสกับธรรมชาติอย่างเต็มที่ตลอดทั้งวัน
จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่น่าสนใจที่ทะเลสาบคุซูริวคือ “สะพานยุเมะโนะคาเคะ” ซึ่งมีความยาว 266 เมตร สะพานนี้ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1967 เป็นต้นแบบของสะพานเซโตะที่เชื่อมระหว่างฮอนชูและชิโกกุ โดยสะพานยุเมะโนะคาเคะเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการชมวิวทิวทัศน์ใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามรอบ ๆ ทะเลสาบและภูเขาในบริเวณนั้น
▼ใบไม้เปลี่ยนสีที่ทะเลสาบคุซูริว
ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยที่สุดในภูมิภาคคันไซ
ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีในภูมิภาคคันไซจะเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมไปจนถึงต้นเดือนธันวาคม โดยเฉพาะในเมืองเกียวโตที่เป็นเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่น และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาก โดยหนึ่งในจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีชื่อเสียงในเกียวโตคือ “วัดคิโยมิซุ” ซึ่งใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่จะสวยงามในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงต้นเดือนธันวาคม และในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนจะมีการจัดงานแสงสี ทำให้ผู้เข้าชมสามารถเข้าเยี่ยมชมวัดได้ถึงเวลา 21.00 น. ถือเป็นโอกาสที่ดีในการชมความงดงามของใบไม้เปลี่ยนสีในบรรยากาศที่โรแมนติก
วัดคิโยมิซุ เป็นสถานที่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 1,200 ปี และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ทำให้เป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและมีผู้คนมาเยือนตลอดทั้งปี ในบริเวณวัดยังมีน้ำตกโอโตะวะ ซึ่งไม่เคยแห้งขอดมาก่อนในประวัติศาสตร์ ทำให้ที่นี่เป็นจุดพลังงานที่ได้รับความนิยม นักท่องเที่ยวมักมาที่น้ำตกเพื่อขอพรและเสริมสร้างพลังบวก
วัดคิโยมิซุตั้งอยู่ห่างจากสถานีโกโจประมาณ 25 นาที โดยการเดิน และห่างจากสถานีเกียวโตประมาณ 15 นาทีโดยการนั่งแท็กซี่ สำหรับในประเทศไทย การเดิน 25 นาทีอาจจะรู้สึกอึดอัดเนื่องจากอากาศร้อน แต่ในเดือน 11 ที่เกียวโต อุณหภูมิเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 12 องศาเซลเซียส ดังนั้น การสวมแจ็กเก็ตเพื่อป้องกันความหนาวจะทำให้การเดินทางด้วยการเดินนั้นรู้สึกสบายมากขึ้น
▼ใบไม้เปลี่ยนสีที่วัดคิโยมิซุ
อีกหนึ่งจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีความนิยมอย่างต่อเนื่องในเกียวโตคือ “รูริโกอิน” ซึ่งเป็นสถานที่ที่สามารถชมความงดงามของใบไม้เปลี่ยนสีได้จากห้องโถงหลัก ภาพทิวทัศน์ของใบไม้เปลี่ยนสีที่ปรากฏอยู่ที่นี่ถือเป็นสิ่งที่น่าทึ่งและทำให้ผู้เข้าชมรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก
รูริโกอิน จะเปิดให้เข้าชมในช่วงเวลาที่กำหนดเท่านั้น โดยในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีประจำปี 2024 จะมีการเปิดให้เข้าชมพิเศษตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมถึงวันที่ 10 ธันวาคม ขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดว่าต้องจองล่วงหน้าหรือไม่ แต่จะมีการประกาศข้อมูลเมื่อมีการตัดสินใจที่ชัดเจนผ่านเว็บไซต์ทางการ
เว็บไซต์ของรูริโกอิน(English)https://rurikoin.komyoji.com/
จากสถานีเกียวโต นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถบัส ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 10 นาทีถึงรูริโกอิน และเนื่องจากที่นี่ไม่มีที่จอดรถ จึงแนะนำให้ใช้บริการขนส่งสาธารณะหรือนั่งแท็กซี่เพื่อความสะดวกในการเดินทาง
▼ใบไม้เปลี่ยนสีที่รูริโกอิน
ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยที่สุดในภูมิภาคชูโงคุ
ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีในภูมิภาคชูโงคุจะเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมถึงปลายเดือนพฤศจิกายน โดยหนึ่งในจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่น่าสนใจในจังหวัดฮิโรชิม่า คือ วัดบุตสึ ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1397 และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญ โดยวัดบุตสึเป็นสถานที่ที่มีความสวยงามในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี มีต้นไม้ที่เปลี่ยนสีสันสวยงามและบรรยากาศเงียบสงบ เหมาะแก่การเยี่ยมชมในช่วงฤดูนี้
ช่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยที่สุดในวัดฟุตสึ (佛通寺) มักจะอยู่ระหว่างต้นถึงกลางเดือนพฤศจิกายน ในช่วงเวลานี้ทางเดินเข้าสู่วัดจะถูกแต่งแต้มด้วยสีสันที่สวยงาม เช่น สีเหลือง สีส้ม และสีแดง ทำให้บรรยากาศโดยรอบดูงดงามและน่าประทับใจ เหมาะแก่การเดินชมและถ่ายรูปในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี
วัดบุตสึ ตั้งอยู่ใกล้ภูเขาในเมืองมิฮาระซึ่งการเข้าถึงต้องใช้รถบัสหรือรถยนต์ อย่างไรก็ตาม รถบัสมีจำนวนไม่มาก ดังนั้นการใช้บริการแท็กซี่หรือเช่ารถจึงเป็นทางเลือกที่แนะนำ เพื่อความสะดวกในการเดินทาง
▼ใบไม้เปลี่ยนสีที่วัดบุตสึ
ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยที่สุดในภูมิภาคคิวชู
ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ดีที่สุดในภูมิภาคคิวชูจะอยู่ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน โดยหนึ่งในจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีชื่อเสียงในฟุกุโอกะ คือ วัด Nomiyama Kannonji ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีความงดงามในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี โดยนักท่องเที่ยวจะได้ชมทิวทัศน์ที่สวยงามของใบไม้เปลี่ยนสีรอบ ๆ วัด ซึ่งสร้างบรรยากาศที่เงียบสงบและน่าประทับใจ เหมาะแก่การเยี่ยมชมในช่วงฤดูนี้
ในเว็บไซต์ทางการแนะนำว่าช่วงสุดสัปดาห์ในเดือนพฤศจิกายนจะมีผู้คนหนาแน่นและมีการจราจรติดขัดมาก ดังนั้นจึงแนะนำให้มาเยี่ยมชมในวันธรรมดา สำหรับการเดินทาง จาก JR สถานีฮาคาตะไปยังสถานีชิโนกุริใช้เวลาประมาณ 14 นาทีด้วยรถไฟด่วน และจากสถานีชิโนกุริไปยังวัด Nomiyama Kannonji ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีโดยแท็กซี่ และถนนหมายเลข 92 ที่ใช้เดินทางไปยังวัดนี้ยังถือเป็นถนนที่มีวิวทิวทัศน์สวยงามในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี โดยจะมีต้นเมเปิ้ล, แปะก๊วย, ฮาเซะ และซากุระป่าที่เปลี่ยนสีแต่งแต้มทางเดินเข้าสู่วัดให้สวยงามอีกด้วย
▼ใบไม้เปลี่ยนสีที่วัด Nomiyama Kannonji
©Fukuoka Twilight Alliance Community
ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยที่สุดในโอกินาว่า
น่าเสียดายที่โอกินาว่านั้นไม่มีฤดูใบไม้เปลี่ยนสี เนื่องจากมีสภาพอากาศแบบกึ่งเขตร้อนและมีต้นไม้ส่วนใหญ่เป็นไม้ยืนต้นที่ไม่ผลัดใบตลอดทั้งปี ทำให้ไม่สามารถชมความงดงามของใบไม้เปลี่ยนสีได้ อย่างไรก็ตาม โอกินาว่ายังคงมีเสน่ห์ในด้านธรรมชาติและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ในช่วงเวลาอื่น ๆ
สุดท้ายนี้
ในญี่ปุ่น การชมใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงเรียกว่า “紅葉狩り” (Momiji-Gari) ซึ่งหมายถึงการไปค้นหาความงามของธรรมชาติในฤดูนี้ คำว่า “狩り” (Gari) ยังถูกใช้ในบริบทอื่น ๆ เช่น การไปเก็บผลไม้หรือการล่าสัตว์ เช่น “いちご狩り” (Ichigo-Gari) สำหรับการเก็บสตรอว์เบอร์รี หรือ “きのこ狩り” (Kinoko-Gari) สำหรับการเก็บเห็ด การใช้คำว่า “狩り” ในกรณีนี้สะท้อนถึงการค้นหาความงามและความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ซึ่งในกรณีของใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงก็ถือเป็นประเพณีที่มีมายาวนานในญี่ปุ่น
ขอเชิญชวนให้ทุกคนได้สัมผัสและเพลิดเพลินกับความงามของ “ใบไม้เปลี่ยนสี” ในฤดูใบไม้ร่วงที่ญี่ปุ่น! ความงดงามของธรรมชาติในช่วงนี้จะทำให้คุณรู้สึกประทับใจและหลงใหลไปกับสีสันที่หลากหลายจากต้นไม้ต่าง ๆ และขอให้ทุกท่านมีช่วงเวลาที่ดีและได้ประสบการณ์ที่น่าจดจำในญี่ปุ่น
Nihon SIM ซิมเน็ตไม่จำกัดปริมาณที่จะขาดไม่ได้เมื่อไปเที่ยวญี่ปุ่น เมื่อต้องไปเที่ยวญี่ปุ่น อินเตอร์เน็ตนั้นถือเป็นสิ่งจำเป็น ดังนั้น Nihon SIM : Japan Data Unlimited SIM ซิมเน็ตที่ไม่จำกัดปริมาณและไม่ลดความเร็วการใช้งานจึงเป็นสิ่งที่อยากจะแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกัน และด้วยความที่สามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้แบบ Unlimited และไม่มีการลดความเร็ว ทำให้สามารถดูวิดีโอ ไลฟ์สตรีม หรือเล่นโซเชียลได้อย่างไม่มีสะดุด อีกทั้งยังทำให้คุณสามารถใช้แอพแปลภาษาได้อย่างรวดเร็วด้วยสัญญาณอินเตอร์เน็ต 5G บนเครือข่ายผู้ให้บริการของญี่ปุ่นโดยตรง ทำให้หมดปัญหาเรื่องการใช้เน็ตครบตามโควต้าของวันแล้วความเร็วช้าลง การเชื่อมต่อเน็ตไม่ได้ หรืออยู่ดี ๆ ก็ไม่มีสัญญาณ ทำให้คุณสามารถใช้ชีวิตบนโลกโซเชียลได้เหมือนอยู่ที่ไทยได้เลย Nihon SIM มีวางจำหน่ายที่ร้าน berrymobile สาขากรุงเทพและศรีราชา และช่องทาง Online อย่าง Shopee ก็สามารถหาซื้อมาใช้งานได้เช่นกัน