Price List FAQ Book Now
Page Top

skyberry

ใช้งานอินเตอร์เน็ตในต่างประเทศต้อง Skyberry

02-105-4568
contact application form

JAPAN

คันไซ (Kansai) เสน่ห์ญี่ปุ่นแท้ๆที่ทุกท่านต้องสัมผัสสักครั้ง

          สวัสดีครับ ทุกท่านเคยไปเที่ยวแถบ “คันไซ” ของญี่ปุ่นกันบ้างไหมครับ และเคยไปจังหวัดไหนมาบ้างครับ เจอผู้คนแบบไหนกันมาบ้าง แน่นอนครับว่าวันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องแถบคันไซให้อ่านกันครับ

          และถ้าหากทุกท่านกำลังมองหาญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมแบบดั้งเดิม โบราณ อาหารที่อร่อย เมืองเก่าที่สุดแสนจะคลาสสิก และผู้คนเป็นมิตร แน่นอนครับว่า คันไซ” น่าจะคือคำตอบที่สมบูรณ์แบบที่สุดแล้วครับ ภูมิภาคนี้นั้นเปรียบได้เหมือนหัวใจของญี่ปุ่นโบราณเลยครับ ที่ยังคงไว้ถึงเสน่ห์อย่างครบถ้วนและสมบูรณ์ ทั้งในแง่ของประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวิถีชีวิต

 

 

แล้วคันไซคืออะไรกัน?

ภูมิภาคคันไซ (Kansai Region) หรือที่บางครั้งก็จะเรียกว่า คิงกิ (Kinki Region) ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของเกาะฮอนชู (เกาะหลักของญี่ปุ่น) โดยจะประกอบด้วย 7 จังหวัดหลักครับ ได้แก่

– โอซาก้า (Osaka)

– เกียวโต (Kyoto)

– โกเบ (Hyogo)

– นารา (Nara)

– วากายามะ (Wakayama)

– ชิกะ (Shiga)

– มิเอะ (Mie)

โดยในแต่ละจังหวัดก็จะมีเสน่ห์และเอกลักษณ์เป็นของตัวเองครับ ทั้งวัด ศาลเจ้า เมืองประวัติศาสตร์ และธรรมชาติที่งดงาม ผมจะขอแยกลายละเอียดที่สำคัญของแต่ละจังหวัดมาให้ทุกท่านได้อ่านกันครับ

 

 

1. โอซาก้า (Osaka)

ถือได้ว่าเป็นเมืองหลวงแห่งอาหารและความบันเทิงเลยครับ โดยจะมีสถานที่เด่น ได้แก่ ปราสาทโอซาก้า, ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ ญี่ปุ่น, ย่านโดทงโบริ และมีอาหารขึ้นชื่อ ได้แก่ ทาโกะยากิ, โอโคโนมิยากิ, ราเมง และของกินเล่นนับไม่ถ้วน จะเหมาะกับผู้ที่ชอบเมืองทันสมัย คึกคัก และอาหารอร่อยนั่นเองครับ นอกจากนี้โอซาก้ายังเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของคันไซ และขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองของคนใจดี มีอารมณ์ขัน และอาหารอร่อยที่สุดในญี่ปุ่นด้วยครับ

2. เกียวโต (Kyoto)

ถือได้ว่าเมืองหลวงเก่าแห่งวัดและศาลเจ้าครับ โดยจะมีสถานที่เด่น ได้แก่ วัดคินคะคุจิ (วัดทอง), ศาลเจ้า fushimi Inari, อาราชิยามะ แถมยังมีวัฒนธรรมเด่นๆ ได้แก่ ชงชาแบบญี่ปุ่น, ใส่ชุดกิโมโนเดินเล่น จะเหมาะกับผู้ที่หลงใหลในวัฒนธรรมดั้งเดิม สถาปัตยกรรมโบราณ และความสงบครับ นอกจากนี้เกียวโตคือสวรรค์ของคนรักญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมครับ โดยจะมีวัดโบราณมากกว่า 1,600 แห่ง และยังเป็นสถานที่ชมซากุระและใบไม้เปลี่ยนสีอันดับต้นๆของประเทศญี่ปุ่นเลยครับ

3. นารา (Nara)

ถือได้ว่าเป็นเมืองแห่งกวางและพระพุทธรูปยักษ์ครับ โดยจะมีสถานที่เด่น ได้แก่ วัดโทไดจิ, สวนกวางนารา, ศาลเจ้าคาซุกะ จะเหมาะกับนักท่องเที่ยวสายครอบครัว และผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติผสมวัฒนธรรมครับ นอกจากนี้นารายังเคยเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นมาก่อน และมีบรรยากาศที่เงียบสงบ เหมาะสำหรับวันพักผ่อนที่เรียบง่ายท่ามกลางธรรมชาติครับ

4. โกเบ (Kobe)

ถือได้ว่าเป็นเมืองท่าที่ทันสมัยผสมกลิ่นอายตะวันตก โดยจะมีสถานที่เด่น ได้แก่ ย่านคิตาโนะ, สะพานอะคาชิไคเคียว, เมอริเคนพาร์ก และแน่นอนครับว่ามีอาหารขึ้นชื่อ คือ เนื้อโกเบ (Kobe Beef) จะเหมาะกับคนที่ชอบอาหารระดับพรีเมียม และเมืองท่าริมทะเลที่สุดแสนจะโรแมนติกครับ นอกจากนี้โกเบยังเป็นหนึ่งในเมืองท่าที่เปิดรับวัฒนธรรมตะวันตกเป็นแห่งแรกๆของญี่ปุ่นครับ มีทั้งโรงกลั่นเหล้าไวน์ และย่านที่อยู่อาศัยสไตล์ยุโรปด้วยครับ

5. วากายามะ (Wakayama)

ถือว่าเป็นเมืองแห่งเส้นทางแสวงบุญ และออนเซ็นกลางธรรมชาติครับ โดยจะมีสถานที่เด่น ได้แก่ ศาลเจ้าคูมะโนะ, วัดโคยะซัง, ออนเซ็นชิราฮามะ จะเหมาะกับนักท่องเที่ยวสายจิตวิญญาณ และผู้ต้องการพักผ่อนอย่างสงบแท้จริง นอกจากนี้เมืองวากายามะจะมีเส้นทางแสวงบุญที่เก่าแก่ที่เป็นมรดกโลกด้วยครับ และยังมีชายหาดน้ำใสที่น่าแปลกใจเมื่อเทียบกับภาพลักษณ์ของญี่ปุ่นอีกด้วยครับ

6. ชิกะ (Shiga)

ถือว่าเป็นเมืองแห่งทะเลสาบบิวะ ซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นครับ โดยมีสถานที่เด่น ได้แก่ ปราสาทฮิโคเนะ, ทะเลสาบบิวะ, พิพิธภัณฑ์ศิลปะต่างๆ จะเหมาะกับคนชอบกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น ปั่นจักรยาน ล่องเรือ และชมวิวทะเลสาบครับ ชิกะเองนั้นยังเป็นพื้นที่สงบที่หลายคนอาจมองข้าม แต่จริงๆแล้วก็มีธรรมชาติที่สวยงาม เหมาะกับการพักผ่อนชิลๆครับ

7. มิเอะ (Mie)

ถือว่าเป็นบ้านของศาลเจ้าที่สำคัญที่สุดในญี่ปุ่นครับ โดยจะสถานที่เด่น ได้แก่ ศาลเจ้าอิเสะ (Ise Jingu), โทบะ, พิพิธภัณฑ์ไข่มุก จะเหมาะกับนักท่องเที่ยวสายศรัทธา และคนที่ชอบวัฒนธรรมแบบพื้นเมืองครับ ศาลเจ้าอิเสะคือศูนย์กลางความเชื่อของศาสนาชินโต และมิเอะยังมีประวัติศาสตร์การดำน้ำหาหอยมุกโดย “อามะ” หรือหญิงนักดำน้ำที่ยังมีอยู่ในปัจจุบัน

 

 

คันไซกับคนไทย: ทำไมเราถึงรักที่นี่กันนะ?

ข้อแรกเลยครับคือการเดินทาง เนื่องจากมีสนามบินคันไซ (KIX) ซึ่งสามารถมาลงได้โดยตรงจากไทยครับ ทำให้การเดินทางสะดวกและง่ายดายครับ ข้อที่สองอาหารค่อนข้างจะถูกปากคนไทยครับ ต้องบอกว่าอาหารโอซาก้าค่อนข้างจะรสเข้มข้น เลยทำให้ถูกใจคนไทยหลายๆคนเลยครับ ข้อที่สามช้อปปิ้งสนุกจุใจครับ ต้องบอกว่าย่านชินไซบาชิ, นิปปอนบาชิ และตลาด Kuromon น่าจะเป็นสถานที่โปรดของใครหลายๆคนที่มาครับ ยิ่งสายช้อปปิ้งยิ่งหลงรักกันเลยทีเดียวครับ และข้อสุดท้ายวัฒนธรรมล้ำค่าครับ แถวๆคันไซค่อนข้างจะมีวัดเก่าๆ ศาลเจ้า และเทศกาลท้องถิ่นที่ไม่ควรพลาดเยอะครับ สายท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมคงจะถูกใจกันไม่น้อยเลยครับ

 

🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷

สุดท้ายนี้หากท่านไหนที่อยากไปแถบคันไซ อยากไปลองสัมผัสบรรยากาศแบบที่ผมได้กล่าวไป

แต่ยังไม่รู้เลยว่าจะใช้ internet SIM อะไรดี

นี่เลยครับ ทางเราขออนุญาตนำเสนอ “Nihon SIM”

Internet SIM โดยจะมีระยะเวลา 4 วัน 7 วัน 10 วันและ 15 วันครับ ทุกท่านสามารถใช้งานได้แบบอุ่นใจไม่ต้องกลัว internet หมดเพราะตัว SIM เป็นแบบไม่จำกัดปริมาณ (Unlimited) ครับ โดยตัว SIM รองรับทั้ง iOS และ Android ไม่ว่าลูกค้าจะใช้งานโทรศัพท์รุ่นอะไรที่ใช้ระบบปฏิบัติการดังกล่าวก็จะสามารถใช้งาน SIM นี้ได้อย่างไม่มีปัญหาครับ

หากสนใจสามารถคลิกที่ลิ้งค์ด้านล่างนี้ได้เลยครับ